วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

รักษาดวงใจฉัน ด้วยวิธีส่วนตัว



มีคำกล่าวจากสามีว่า ตัวฉันเอง มีนิสัยที่น่าจะเป็นปัจจัยต่อการเป็นโรคหัวใจสูง ซึ่งไม่เถียง เพราะว่า มันก็น่าจะจริง แต่ที่อยากจะแบ่งปันก็คือ วิธีการรักษาดวงใจของตัวเอง ไม่ให้ดิ่งไปมากกว่านี้ ต้องยอมรับว่า


  • คนทุกคนมีเรื่องเครียด

  • ความสามารถในการทนต่อความเครียด ของแต่ละคน ก็ไม่เท่ากัน คงจะเอามาวัดกันไม่ได้ ว่าทำไมเรื่องแค่นี้ แค่นั้น

สิ่งที่อยากจะบอกต่อ คือ วิธีการหยุดความเครียดชั่วคราว ให้ใจได้หยุดพัก เป็นวิธีส่วนตัว ที่ฝึกฝนมาเนิ่นนานมากๆ เมื่อไร จำคงไม่ได้แล้ว คือ


หยุดความคิดนั้น ด้วยการมองลมหายใจหัวเอง นึกด้วยว่า เราต้องหยุดความคิดนั้นไว้ชั่วคราวก่อน ด้วยคำว่า พุธ โธ หายใจเข้า พุธ หายใจออก โธ มองลมหายใจที่ปลายจมูกตัวเอง หยุดได้สักสองสามนาที ก็ยังดี เพราะว่าหัวสมอง หรือ ใจ เดียวมันก็วนกลับไปเรื่องนั้นอีก และแล้วเราก็หยุดมันสักนิด สักสองสามนาที โดยเฉพาะจะหลับ คือ ตอนนอนนั่นแหล่ะ จะท่องไป มองลมหายใจตัวเองไป ที่ผ่านมาจะไม่ฝันร้าย นอกจากตัวเองจะเริ่มมีอาการป่วย ก็จะรู้ตัวเมื่อฝันร้าย


สมัยเด็กนั้น บอกได้เลยว่า ตัวเองนั้นเป็นเด็กฝันร้าย เวลาหลับตาลง กำลังจะเข้าดิ่งสู่นินทรานั้น เรียกว่า ตัวเองเหมือนตกจากที่สูง จะสดุ้ง ผวา หรือ มีอาการมือเท้าใหญ่ ตัวหนัก เป็นส่วนใหญ่


นึกขึ้นมาได้แล้ว สมัยเรียน ม.ปลาย ที่ห้องพระ อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง พระอาจารย์ จะเป็นผู้ฝึกให้นักเรียนเข้าสมาธิ (ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร ก็นั่งๆ ไปด้วยกัน ) ต้องขอบคุณพระอาจารย์

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

生活習慣を見直しましょうって

อร่อยจริง ทำอีกแล้ว บอกเพื่อนว่าจะให้เขา แล้วเราก็ไปกินซะหมด ต้องทำใหม่ คราวนี้อร่อยกว่าเดิม ปรับหวานได้ทันใจ และแล้วเธอคนนั้นก็ไม่สามารถมารับได้ เพราะว่า หิมะตกหนัก "เสร็จฉัน"
และแล้ว ต่อแต่นี้ ต้องระวัง เรื่องความหวาน เพราะว่าผลการตรวจเลือด ตรวจประจำปี บอกว่าน้ำตาลในเลือดนั้นสูง เกินปกติเล็กน้อย ต้องระวัง ปรับเรื่องการใช้ชีวิต นี่ขนาดไปตรวจเมื่อตอน วันพ่อน่ะ ยังไม่ได้กินหวานมากสักกะหน่อย หากตรวจตอนนี้ สงสัยไม่ต้องห่วง ถึงว่า เมื่อคราวก่อน รู้สึกหวานมากเหมือนจะช๊อก ฝอยทองของโปรด ต้องห่างๆแล้วแหล่ะ เศร้าเลย

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

ฝอยทองจ๊ะ ชอบๆๆๆ ดีใจๆๆๆ

ฝอยทอง เป็นขนมไทยที่อยู่ในใจมาตลอด ตลอดเวลาที่มาอยู่ในญี่ปุ่น ก็จะโหยหา ไปร้านอาหารไทย เขาบอกว่า พี่มีฝอยทองมาจากเมืองไทยน่ะ รีบกระโดด ดีใจเนื้อเต้น ซื้อๆๆค่ะ ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด (ยกเว้นเม็ดขนุน) แม่ควานเรียบคนเดียว ๕ แพ็ค ใครไปเมืองไทย ของฝากที่อยากได้เสมอ คือ ฝอยทอง ไปเองก็ต้องซื้อ มายังไม่ถึงญี่ปุ่น ยังไม่ทันจะแจกใครเลยก็แทบจะหมด คิดไปคิดมา ญี่ปุ่นนี่ไข่ถูกมากๆ น่าจะทำดีกว่า คิดว่าไม่ยากเกินความสามารถ และแล้วก็หาในเวปซ์ เจอพอดี เขาไม่ใช้กระทะทองเหลือง หม้อธรรมดานี่ ก็ทำได้ (หลังจากดูแล้วก็เขียนขอบคุณเขาด้วย) และอีกเวปซ์หนึ่ง ของครูนิด ลืมขอบคุณเพราะว่า คุยโทรศัพท์ไป ดูไป ขอโทษค่ะ
ว่าแล้ว ตอนเย็นทำเลย นึกได้ว่าในตู้เย็น มีไข่ไก่เปลือกน้ำตาลด้วย โดยปกติแล้วญี่ปุ่น หาไข่เป็ดยากมากๆค่ะ เห็นขาวๆ ที่แท้ ไข่ไก่ทั้งนั้น ส่วนกรวยนั้น เราไม่มีใบตอง ไม่มีกรวยฝอยทอง คิดใหม่ค่ะ เจาะกระป๋วย พลาสติก แหล่ะ ไม้แหลม ก็มีแต่ไม้เสียบ เล็กๆ แต่คิดจะทำ มันต้องได้แหล่ะ
สุดท้าย หากไม่มีกลิ่นละก็ มันต้องเหม็นคาวไข่ เรานี่เกลียดมากๆ เลย ทนไม่ได้ จมูกเร็วเป็น “ワンコ ちゃん”(หนังตำรวจน่ะ ตัวเองเป็นเด็กน่ารัก สดใส จมูกได้กลิ่นต่างๆ จับกลิ่นได้)  สุดท้ายหาเทียนอบจนปวดหัว แม่เคยบอกวิธีหากไม่มีเทียนอบ ของจริงให้ใช้เทียนธรรมดาก็หอม แต่ยุ่งจริง หาซื้อน้ำมะลิ จากไซด์ อะมาซอน จนเหนื่อย หาไม่ได้ คิดๆๆๆๆๆ ให้แม่ส่งมาให้ ต้องมีอะไร และแล้ว นึกได้แล้ว มีกลิ่น วานิลา อยู่ ใช้นี่แหล่ะ เราก็ชอบ
ได้ใจ ทำไปกินไป ทนไม่ไหว หวานสุดๆๆๆๆๆ หวานจนจะขาดใจ ต้องลดความหวาน ลงหน่อย ก็ยังหวานสุดๆๆๆ คุณแม่ทานแล้วบอกว่า นี่มันกินน้ำตาลเลย ไม่มีรสอะไร
สุดท้าย วันนี้คือวันรุ่งขึ้น ทนไม่ไหวทำข้าวกล่องไป ชิมขนมไป จิบน้ำชาไป อร่อยนี่หน่า ใส่กล่องข้าวไปให้สามี ชิ้นเล็กๆ
ตอนบ่าย กลับจากงานเลี้ยง สิ้นสุดกันที กับหัวหน้าหมู่บ้าน เหนื่อยใจสุดๆ สำหรับ ไกจิ้น(ต่างชาติ) คนนี้ จบลงด้วยความสบายใจ
กลับมาบ้าน คำนวณสตังค์ เหลือ นับกลับไปคืน คนที่มาร่วมงานเลี้ยง
สบายใจกินฝอยทอง เออ วันนี้ มันอร่อย ความหวานมันหายไปอย่างน่าอันตธาน มันเหลือ รสมัน รสไข่ หอมหน่อยๆ อร่อย ถูกใจสุดๆ คุณแม่ชิมอีกที บอกว่า เออ หายหวาน รสไข่ มันออกมา
กว่าจะได้ความอร่อยออกมา มันผ่านไปหลายสถานการณ์จริงๆ รวมถึงการที่เรายืน พยายามในครัว ขานี้ชา นิ้วมือ ๓ นิ้ว ชาไปเลย มันหนาวสุดๆ ครัวบ้านนี้ มันเป็นความเข้มข้นของชีวิตในครัว ที่เปลี่ยนไม่ได้จริงๆ แต่เพื่อแลกกับความอยาก แล้วก็ ทนจนได้ ของอยาก เฮ้อ อร่อย ต้องแบ่งเพื่อนบ้าง

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

ประหยัดไฟ ได้สุขภาพ 湯たんぽ

อันนี้ เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่น ว่า "ยูทัมโปะ" ค่ะ เป็นคล้ายกระเป๋าน้ำร้อน ที่ใช้นี่เป็นโลหะ มีขายหลายชนิดค่ะ แต่ว่า ที่บ้านนี้ชอบเป็นโลหะ เพราะว่า เรายกตั้งไฟได้เลย โดยเฉพาะ วางไว้บน "สโต๊ป(เตาไฟจากน้ำมัน)" เวลาหน้าหนาว ที่บ้านนี้ จะมีเตาสโต๊ป ที่ต้องมีไว้ เพราะว่า หากเราพึ่งไฟฟ้าอย่างเดียว ไฟฟ้าดับ ล่ะแย่เลย เรามีส่วนตัวกันคนละอัน เวลานอน เอาไปนอนด้วย หนาวตรงไหนก็วางตรงนั้น ส่วนใหญ่จะวางตรงปลายเท้า
เมื่อสมัยมาญี่ปุ่นแรกๆ ทนหนาวไม่ไหว ต้องปูผ้า ที่เสียบไฟฟ้า ไว้ตรงส่วนครึ่งร่างกาย เพราะว่า เราเองนั้นแพ้ไฟฟ้า เคยตอนที่คุณแม่ ผ่าตัดหัวใจ แล้วอยู่ต้อง ซีซียู นั้น เข้าไปเยี่ยม เธอสายไฟระโยงระยาง พอเราไปถึงแค่ปลายเตียง หน้ามืด ใจสั่นดึ๋งๆ รีบออกเลย ไม่ไหว รวมถึงตอนไปรอรถไฟ ที่ในอุโมงค์ โดยทั่วไปแล้วรถไฟ เป็นรถไฟฟ้าค่ะ เราก็เอะใจ เหมือนอะไร มันดึงหัวใจเรา จะเอาออกจากอกอย่างนั้นแหล่ะ รีบหันตัวเลย ทนไม่ไหว สักพักเดียว รถไฟก็วิ่งผ่านอุโมงค์ไป นี่แหล่ะเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า ตัวเองไม่ถูกกับมันเสียเท่าไร
สมัยนี้ เป็นสมัยของเทคโนโลยี วิวัฒนาการไร้สาย เยอะมากๆ เคเบิ้ลก็ไร้สาย ระบบไฟแดง ก็ไร้สาย มีเซนเซอร์ที่รับสัญญาณแม่เหล็กจากรถยนต์ อะไรที่มองไม่เห็น มีอันตรายหรือไม่ บอกไม่ได้ชัด แต่ว่า คนตรงข้ามบ้านนี้ เคยเรียกรถพยาบาล เพราะว่า "เธอปวดหัว อย่างแรง" ตำรวจ มาสำรวจที่บ้าน และคิดว่า บ้านเธอมีเครื่องใช้ไฟฟ้า สัญญาณไฟฟ้ามากเกิน
ผลดีของเจ้า กระเป๋าเหล็กนี้ บอกได้เลยว่า ที่เราเคยปวดข้อเท้า ปวดเท้านั้น เบาลงมากๆ เลย เบาลงจนลืมไปเลย เพิ่งนึกขึ้นมาได้ เมื่อคืน ยังบอกกับสามีเลย เอ้ย หน้าหนาวนี้ เท้าฉันไม่ปวดเลย สงสัยไอ้เจ้านี่แน่ๆเลย

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

ของง่ายๆ แต่ไม่ง่าย

ลูกปัดสีตะกั่วนี้ รวมกับเอนดำ เล่นเอาปวดตา ปวดหัวใจ เจ็บใจตัวเองไปหลายรอบ เพราะความที่ว่า ใจร้อนไม่เข้าเรื่อง เลยทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ วันนี้ ไม่ได้ไปเรียนร้อยลูกปัด จริงแล้ว อาจจะมีเทคนิคอะไร จากอาจารย์ แต่ว่า วันนี้ ถนนมันลื่น เหมือนเดินบนแป้งมัน(หิมะ เขาเอารถมาไถ มันเลยบางๆ แน่นๆ) ไม่กล้าขับรถ ขนาดเดินยังลื่นแล้วลื่นอีก เดือดร้อนน้องโชคดีด้วย พี่ปูกระตุกคอ ด้วยความไม่ตั้งใจ เพราะว่าลื่นจริงๆ แต่พอบอกว่า โกเมน หมามันก็เข้าใจ
ทำไปก็นึกทำความเข้าใจไปตามร่างของมัน ก็ใช้ได้ เรียบร้อยดี ยกเว้นแต่ สลับด้านกับแบบ แต่เพราะว่า มันเรียบร้อย เลยไม่ได้นึกเอะใจ แต่ไม่มีปัญหา เพราะว่า ทำไว้ใช้เอง

อันเล็กๆ แต่ไม่ง่าย




งานนี้เล่นเอาปวดตา ทำแล้วรื้อ ทำแล้วรื้อ เหตุที่รื้อเพราะว่า ด้ายมันสีดำ มันพันกันแล้วไม่เห็น บวกกับใจร้อน ไม่อยากถอดเข็ม ก็เป็นอันว่า ให้รื้อกันให้เข็ด งานต่อไปจะขอลองทำ แบบที่ใช้เข็มฝักด้วย งานแบบนี้ ทำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อน ไม่เหนื่อยใจ