วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เพื่อน ผู้โชคดี


หนุ่ม ผู้ไม่เป็นชาย เสียแล้ว (ทำไมล่ะ ก็ตอนเสียแล้วไง)
อาจจะเป็นผู้โชคดี ที่เราไป รับเขามาเลี้ยง จากสำนักงานกักกันสุนัข ที่ผู้เป็นเจ้าของ ไม่สามารถเลี้ยงเขาได้ อาจจะด้วยเหตุผล แก่เฒ่า หรือ เจ็บป่วย หรือ เลี้ยงไม่ไหว เนื่องจาก สาเหตุต่างๆ
ที่ญี่ปุ่น หากจะเลี้ยงสุนัข จะต้อง ไม่ให้เขาออกไปเพล่นพล่าน นอกสถานที่ของเรา ไม่นั้น ใครเจอ เขาก็จะจับ ไปส่งที่สำนักงาน ส่วนท้องถิ่น
แล้ว เขาก็จะส่ง ไปสำนักงาน กักกันสุนัข ในจังหวัด หรือ อำเภอใหญ่ๆ ต่อไป เพื่อรอเจ้าของมารับ
หากไม่มารับ หรือไม่มีผู้มาขอไปเลี้ยง ภายใน ๓ วัน เขาก็จะจัดการ กำจัด ดู(ทีวี) แล้วสงสารมากๆ

หนุ่มน้อยตัวนี้ สามี ดูจากเวปซ์ไซด์ของจังหวัด ในส่วนกักกัน สัตว์เลี้ยง(保険所) แล้วเราก็โทร ไปเพื่อบอกความประสงค์ขอรับมาเลี้ยง
เราเลยตั้งชื่อว่า "โชคดี" เขาโชคดี แต่เรานั้น โชคร้าย หน่อย เพราะว่า เขากัด ตั้งแต่วันแรกที่ไปรับเลย "มันร้าย"
อย่างว่า เราไม่ใช่เจ้าของ เขาแท้ ๆ ต้องทนๆไป เห็นเขาบอกว่า ต้องใช้เวลาประมาณ ๒ ปี เขาจึงจะเชื่องกับ เจ้าของใหม่

โชคดี นั้น จริงแล้ว อายุ เท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ เพราะ เขาเป็นหมา จรจัด และ จรจัด มานาน เท่าไหร่ ก็ไม่มีใครบอกได้ แต่ทางสำนักงานฯ เขาประมาณให้ว่า ๒ ปี
จริงแล้ว หากโชคดี ยังมีปลอกคอ และ มีหมายเลข แขวนไว้ เขาก็จะถูกส่งกลับไปยังเจ้าของเดิมได้ เพราะการเลี้ยงสุนัขในญี่ปุ่น นี่ต้องลงทะเบียน (เสียเงินด้วย)
และต้องฉีดยากันโรคสุนัขบ้า ทุกปี

แต่นี่ โชคดี ไม่มีปลอกคอ ติดมา ตอนเราดูในเวปซ์ เขาก็เขียนไว้ว่า เป็นมิตรที่ดีกับคน
แต่พอมาเลี้ยงจริง เขากัด กัดบ่อย ก็เลยให้พลอยคิดว่า เขาคงถูกปล่อยมาแน่ๆ เพราะนิสัยอย่างนี้
อย่างไรก็ดี ถึงร้าย แต่พวกเราก็รักเขา เขาเป็นเพื่อนเรา ทำให้วันหนึ่งๆ ของเรา มีความหมายขึ้นมาอีก หนึ่ง ความหมาย ว่าเราต้องดูแล เขา
เพราะ หากเขา ขาดเรา แล้วเขาจะต้องลำบาก อาจจะแย่ไปกว่านั้น อีก หากไม่มีใครเอาเขาไปเลี้ยงต่อ


วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ทำ ซุปเต้าเจียว แบบญี่ปุ่น

มิโสะจิรุ เป็นชื่อเรียก อาหาร ถ้วยนี้

มิโสะ 味噌 คือ เต้าเจียวญี่ปุ่น

หากสนใจอยากจะทำเอง ลองดูจาก ไซด์ที่ว่านี้ก็ได้ค่ะ
แต่โดยทั่วไปแล้ว ก็ซื้อสำเร็จค่ะ
มิโสะ ซุปปุ ประกอบด้วย
เครื่องปรุง ดังนี้
๑. มิโสะ
๒. ดาชิ (ผงชูรส ญี่ปุ่น) ดูจากภาพขวามือ คือช้อนสีเหลืองเล็กค่ะ นี่คือ ดาชิ
๓. เต้าหู
๔. สาหร่าย วาคาเม
๓-๔ นี้ ใช้อะไรก็ได้ค่ะ อยากจะใส่ผักอะไร อยากจะใส่ หอยลาย กุ้งเล็ก แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช้ คือ เนื้อสัตว์ ค่ะ
วิธีทำ คือ
๑. ต้มน้ำให้เดือด
๒. ใส่ มิโสะ ลงไปประมาณพอควร ให้เค็ม (บางคนอาจจะใส่ มิโสะ ใน กระชอน เพื่อกรองเอาส่วนแข็ง ที่เป็นเม็ดๆ ออก เพื่อให้ซด ลื่นคอ ก็แล้วแต่ละคนค่ะ ไม่ต้องเอาออกก็ได้ เสียดายของ)
๓. ใส่ ดาชิ ลงไป สัก ๑ ช้อนโต
๔. ใส่เต้าหู้ สาหร่ายวาคาเม(สด) ที่บอกว่าสด เพราะว่า เขามีขาย แบบ แห้งๆ ที่เอาไปแช่น้ำก่อน ใช้งาน)
เสร็จ แล้วชิมรส ค่ะ หากเค็มไม่พอ ก็ใส่ มิโสะ ลงไปอีก (ไม่ใช้เกลือ หรือ โชยุ) หาก ไม่กลมกล่อม พอ ก็ใส่ ดาชิ เพิ่ม
ซุปเต้าเจียว นี้ คนญี่ปุ่น กินได้ทั้งวันค่ะ แต่กินมากก็ไม่ดี เพราะ เค็ม จะทำให้เป็นโรค ไต ได้เหมือนกัน ของอะไร ต้องพอประมาณค่ะ
อนึ่ง มิโสะ นี้ใช้ประกอบอาหารอื่นๆ ได้อีกมากมาย
อย่าง ราเมง รส มิโสะ
หมู ไก่ หมัก มิโสะ
ผักสดๆ จิ้มกิน กับ มิโสะ สดๆ ก็อร่อย

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"สนามม้า"แหล่งการพนันของรัฐบาลญี่ปุ่น


競馬 (เคบะ) ม้าแข่ง เป็นอีกแหล่งหนึ่ง ที่ทำรายได้ ให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งมีแข่งกันทุกวัน มีการโฆษณาทีวี สามารถ ซื้อม้าแข่งได้ ทั้งที่ทางอินเตอร์เนต โดยผ่านมือถือ หรือ เครื่องคอมฯ และการไปยังสนามแข่งม้า หรือ สถานที่ ที่มีจอ ทีวียักษ์ สำหรับ รายการแข่งม้า โดยเฉพาะ
เมื่อวันหยุด โกเดลวีค ที่ผ่านมา เราไปจังหวัดนิงะตะ ไปสนามแข่งม้า อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร เห็นแต่ทาง ทีวี
แต่พอไปแล้ว ตกใจมาก คนเยอะมาก ลูกเด็กเล็ก คนแก่ คนหนุ่ม คนสาว เยอะแยะ มีสวนให้เด็กเล่น มีร้านอาหาร คนจำนวนหนึ่ง เอาเสื่อไปปู รองนั่ง เอาอาหารไปทาน ทำเหมือน ไปปิคนิค เลย

ซุป น้ำใส แบบ ญี่ปุ่น เราก็ ทำได้

お吸い物 (โอะสุย โมะโนะ) ซุปน้ำใส

วัตถุดิบ ที่สำคัญ คือ かつおぶし (คัสซึโอะ บุทชิ) เป็น ปลาโอแห้ง ขูดเป็นแผ่นบางๆ มากๆ

มีขาย ทั้งเป็นแบบ ถุงโต ไว้ใช้ทำน้ำซุป หรือ เป็นแบบ ซองฉีก ใช้โรยบนผักต้ม แล้ว ราดด้วยโชยุ เป็น อาหาร ง่ายๆ อีกจาน

หากไม่มีปลานี้ ก็ใช้ ปลาแห้ง บ้านเรา แช่น้ำ ให้ได้น้ำสีเหลืองๆ ออกมา ก็คิดว่า แทนกันได้ค่ะ


วิธีทำ ๑. ตั้งน้ำให้เดือดพล่าน ใส่ かつおぶし วงไป ประมาณ ๑ นาที ไม่ต้องนานค่ะ ไม่นั้นเดี๋ยวน้ำ จะออกรสเปรี้ยว

๒. ใช้ตะแกรง กรอง จะได้น้ำใสๆ (ไม่ต้องเสียดาย ไม่ต้องบีบ เอาน้ำออกให้หมด เดี๋ยวเปรี้ยว ไม่อร่อย)
๓. ใส่ผักที่ต้องการ ตามภาพนี้ ใช้ ใบ กุ๋ยฉ่าย (จากหลังบ้านนี้)
๔. ใส่เกลือ นิดหน่อย

๕. ราดด้วยไข่ ที่ตีไว้


หมายเหตุ ผักนี้ หากเป็นตามร้าน เขาจะต้ม แล้ว ราดด้วยน้ำเย็น ให้ผักมีสีสวย แล้ว เอามาใส่ ในถ้วยแต่ เล็กน้อย อย่างเช่น กวางตุ้งบ้านเรานี่แหล่ะ เอาตรงส่วนดอกสีเหลืองหน่อย ใบสีเขียวนิด ซุปก็จะมีสีสวย

หรือไม่ ก็ใส่ หอยอย่างเช่น หอยลาย สัก ๒ ตัว ลงไปด้วยก็จะดูน่ากินอีกหน่อย
ซุปนี้ จะมีรส อ่อน อาจจะไม่เหมาะกับคนไทย ที่กินอาหาร รสจัด แต่หากอยากจะ ซดน้ำ เยอะๆ ก็ดีค่ะ
สำหรับ อาหารญี่ปุ่น เมื่อเราไปกินร้านดีๆ เขาจะยกมาทีละจาน เรียงลำดับ เพื่อให้ ปากของเรา ไม่สับสน ไปกับ รสของอาหารที่ แตกต่างกัน กินรสจัด แล้วไปกินจืด กินหวาน แล้วไปเปรี้ยว มันก็ไม่ได้เรื่อง

เมื่อวันแม่ เราไปกิน อาหารกัน ที่ร้าน สุซุ ฮะนะ www.e-obuse.com/shop/index.php/suzuhana

ซุปน้ำใส นี้ ก็ถูกยกออกมา เป็น รายการที่สอง หลัง จาก กินในฤดู ที่ทำเป็นอาหาร รสอ่อนๆ ที่มีทั้ง ต้ม .ทอด ทำเป็น คำเล็กๆ กินเสร็จ ก็ซด น้ำซุป

 





อาหารมื้อเช้า


อาหารเช้า โดยทั่วไป แล้ว ต้องมี น้ำซุป ที่เรียกว่า มิโสะ จิรุ 味噌汁 เรียกเป็นภาษาไทย ให้เห็นภาพ คือ ซุปเต้าเจี๊ยว แต่ เต้าเจี๊ยวนี้ เป็นแบบ เต้าเจี๊ยว ละเอียด ที่ไม่มีน้ำ ซื้อได้ทั่วไป ในญี่ปุ่น ราคาก็แตกต่างกันไป แล้ว แต่วัตถุดิบ สถานที่ผลิต ถูกๆ เลย ก็มี ถุงหนึ่งไม่ ถึง ร้อยเยน ก็มี วัตถุดิบน้ำอาจจะมาจากเมืองจีน ซึ่งเป็นเรื่องทั่วไป ที่ญี่ปุ่น ไม่นั้น หากเป็นอะไรก็แล้วแต่ ที่แหล่งกำเนิด ในญี่ปุ่น ก็ราคาแพง
ปลาที่เห็น ในรูป คนญี่ปุ่น เรียกว่า สะเก  サケ(鮭) คือ ปลา ซามอล ที่มีเนื้อสีส้ม เอามาทำเค็มก็ได้ กินดิบ ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว หากมาทำเค็ม ก็เป็นกับข้าวเช้าที่ดีเลย "อร่อย มันๆ เค็มๆ" นึกถึง ปลาสะหวาย บ้านเราเลย
ข้าวญี่ปุ่นนั้น คนญี่ปุ่น ส่วนใหญ่บอกว่า ข้าวอร่อย คือ ข้าวใหม่ ที่มี รสหวาน แต่คนไทย นั้น ต้องข้าวเก่า เพราะว่า ข้าวใหม่ มันหุงไม่ขึ้นหม้อ มันแฉะ
ข้าวญี่ปุ่น นั้น คล้ายกับ ข้าวเหนียว แต่ไม่ เหนียว ถึง ขนาด เป็นข้าวเหนียว ข้าวเหนียวเขาก็มี เม็ดตุ้นๆ เหมือน ข้าวเจ้า นี่แหล่ะ
มาญี่ปุ่นใหม่ ๆ กินข้าวญี่ปุ่น แล้ว คิดไปว่า กินข้าวเหนียว เปียก เลยกินข้าว เขาไม่ค่อยได้ อยู่ไปนานๆ ก็เริ่มชิน ไม่รู้สึกอะไร
ของอะไรก็แล้วแต่ เมื่อไม่คุ้นเคย อาจจะยังรับไม่ได้ แต่เคยๆ เสียแล้ว มันก็เฉยๆ ลองเปิดใจยอมรับ ก็ดีเหมือนกัน ได้อะไรใหม่ๆ เพิ่มมาในชีวิต ว่าไหม

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ข้าวกล่อง "อินาริ"



เป็นอย่างไร ดูจากภาพ อาจจะไม่ น่ากิน แต่คนที่บ้าน และ นักเรียนของเรา บอกว่า อร่อย และชื่นชม ที่เราทำเอง ไม่ใช่ซื้อสำเร็จ แล้วแค่มายัดข้าวลงไป แต่นี่เป็นไง คนไทย นะนี่ ไม่ใช่ คนญี่ปุ่น แต่มีความพยายาม ที่จะทำอาหาร ญี่ปุ่น ให้ได้รส แบบคนญี่ปุ่น

ปวดท้อง ขี้ไม่ออก มีทางแก้


ห้องน้ำในญี่ปุ่น มี ๒ แบบ คือ แบบ ยุโรป คือ แบบตามรูปนี้
ส่วนอีกแบบ หนึ่ง ก็คือ แบบ ญี่ปุ่น คือ ห้องน้ำ นั่งยองๆ แบบ บ้านเรา
ห้องน้ำนั่งยองๆ นั้น ดีอย่าง ที่ว่า ทำให้ถ่ายได้คล่องขึ้น (สำไส้ จะตรง กับ ทางออก(ทางทวาร))
แต่ข้อเสีย คือ นั่งนานๆ หน้ามืด โดยเฉพาะ ผู้สูงวัย
ต้องยอมรับ ว่าสมัยนี้ เราก็นิยม ต้องน้ำที่เป็นโถนั่ง (ตามรูป) แต่ มันยิ่งทำให้ถ่าย ยาก สำหรับ คนที่ถ่ายยาก นี่ก็ยิ่งไปกันใหญ่
วันนี้ เรามีวิธี ช่วยให้ถ่ายสะดวก ดูจากรายการทีวี มาค่ะ และลองทำดูแล้ว เห็นว่า ดี เลยอดไม่ได้ ที่จะทำประโยชน์
การถ่ายไม่ออก หรือ ไม่ถ่ายทุกวัน นั้น ทำให้เป็นหลายๆ โรค รวมทั้งสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ลงด้วย
สาเหตุของการถ่ายไม่ออก นั้นมีหลายอย่าง เช่น
ที่สำคัญมากเลย คือ ความเครียด นี่แหล่ะ เป็นตัวการใหญ่ งานยุ่ง ยิ่งยุ่ง ยิ่งเครียด เดี๋ยวๆ ค่อยไปห้องน้ำ ทั้งที่ปวด อั้นๆ ไว้ มากๆเข้า
ท้องอืด มีแก๊สในท้อง ทำให้ลมจากปากเหม็นไปด้วย แล้วอะไรที่ร้ายที่สุด มะเร็ง ค่ะ ของเสีย อยู่ในท้องนานๆ เป็นอย่างไร
ส่วนตัวเองนั้น ที่ผ่านมา ถ่ายไม่ออก ทั้งที่กินผักก็มาก น้ำก็เยอะ แต่ เจ้า ซีส (ช๊อกโกแลต) นี่มันโต ไปทับลำไส้ใหญ่ ทำให้ถ่ายไม่ออก ปวดหลัง กว่าจะรู้ (หาอยู่โรงพยาบาลเดียว) ก็เมื่อมาฝึกงาน ที่ญี่ปุ่น ไปแค่คลินิคในโรงงาน เขาก็ตรวจได้แล้ว แต่ที่เมืองไทยเรานั้น เขาไม่เฉลียวใจ ให้เราเลย ตรวจมันแต่ปัสสาวะ เพื่อดูว่า เป็นโรคไต ปัสสาวะ อักเสบหรือเปล่า ทั้งที่ผลก็ออกมาว่า ไม่ใช่ แต่ไม่วิเคราะห์ให้เราต่อ นี่ขนาดโรงพยาบาลเอกชนน่ะ อย่าบอกเลยว่าจังหวัดไหน เดี๋ยวจะรู้เสีย เพราะว่า เขาอาจจะดีขึ้นแล้วก็ได้
สาเหตุที่ ในรายการทีวี นั้นเขาพูดก็คือ ส่วนใหญ่จะเป็นมากในผู้หญิง คือ กล้ามเนื้อ ตรงบริเวณรอยต่อของ ทวาร กับ ลำไส้ใหญ่ มันแข็ง เกินไป เรียกว่า ไม่ยืดหยุ่น ทำให้ ของเสียนั้น ไม่ออกมาง่ายๆ แล้วเกิด เป็นว่า ลำไส้ใหญ่ตอนส่วนที่เหลือ จาก เจ้ากล้ามเนื้อตัวที่ว่านี้ มันก็พอง ๆ เพื่อรับของเสีย ที่ออกไม่ได้ เป็นแบบ กระเป๋า ออกไป เมื่อออกไม่ได้ง่ายๆ เป็นไง กระวนกระวาย ปวดท้อง ท้องอืด ถ่ายแล้ว ก็ไม่แล้ว เพราะว่า มันออกไม่หมด
อย่างนี้ ต้องไปให้หมอช่วย จัดการเก็บเจ้ากระเป๋า ตัวนี้ ออกเสีย และ ก็ ทำการช่วย คลายกล้ามเนื้อดังกล่าว ด้วยการ ใช้โป่ง สอดเข้าไป แล้วให้ผู้ป่วยฝึก เบ่ง ฝึกหุบ กัน
แต่ที่ง่ายๆ ที่เขาแนะนำ คือ การใช้ ห้องน้ำ (แบบในภาพข้างบน)
๑ . นั่งลง แล้ว โค้งตัว ลง สักประมาณ มุม ๖๐ องศา เพื่อให้ลำไส้ตรง กับ รูทวาร
๒. เขย่ง ส้นเท้าขึ้น
๓. ใช้ ผ้า หรือ มือ หรือ กระดาษทิชชู ปิดปากจมูก เราเอง นั่นแหล่ะ แล้ว หายใจ เข้า-ออก ลึกๆ (เขาถามว่าทำไม เขาก็บอกว่าตอบไม่ได้ แต่ว่ามันได้ผล)
๔. เบ่ง ค่ะ ค่อยๆ เบ่ง แบบ ออกเถอะ ไม่ต้องรีบร้อน แต่ใจนั้นอยู่ กับ ทวารเรา นั่นแหล่ะ (นี่แหล่ะ เขาเรียกว่า วิปัสสะนา พูดเองค่ะก็ทำอะไรให้รู้ตัวว่าทำอะไรไง)
ทำอย่างนี้ไป สัก ๓-๕ นาที ถ้าไม่ออก ไม่ต้องพยายาม ค่ะ เดี๋ยว บานไป ตูดเราน่ะ จะเป็นริดสีดวงเสียแทน ออกจากห้องน้ำค่ะ ไว้มีเวลาใหม่ ค่อยลองใหม่
วันนี้ขอใช้ คำไม่สุภาพ หน่อย ไหนๆ ก็เป็นเว๊ป ที่เพื่อผู้ใหญ่ ต้องมีคำแบบนี้สักหน่อย




วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

อาหารเสริม

เมื่อเช้า ดูรายการทีวี ที่นำเสนอ เรื่องราว เกี่ยวกับ อาหารเสริม
คนญี่ปุ่น นั้นกินอาหารเสริม กันเยอะ เขาให้คำว่า อาหารเสริม (เหมือนคนไทย) ไม่ใช้ คำว่า ยา เพราะว่า คำว่า ยา ให้ความหมายรักษาโรค
แต่คำว่า อาหารเสริม ทำให้คนที่บริโภค นั้น อุ่นใจ จนเกินไปก็ว่าได้
เขาบอกว่า คนที่เมื่อ เลือกที่จะทานอาหารเสริม ต้องดู สังเกต อาการ ความเปลี่ยนแปลง ด้วยว่า มีความเปลี่ยนเปลงอะไร หากมี อาการ มือสั่น ใจสั่น ก็ควรจะรีบหยุด และ พบแพทย์ ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องปกติ แต่จริงแล้วก่อนที่จะทาน ควรไป ตรวจ(สุขภาพ)อย่างละเอียด ก่อนว่า ตัวเอง ขาดอะไร จะต้องเสริมอะไร เขาตรวจได้ที่โรงพยาบาลแพทย์ คือ สิ่งแรกที่ตรวจคือ นินเงน ด๊อก(人間ドック)ซึ่งเป็นการตรวจร่างกายที่ละเอียด (แต่ก็ใช่ว่า จะเชื่อถือได้ ทั้งหมด เพราะว่า สามี ของ อาจารย์ที่สอนภาษาให้ ก็เสียชีวิต ด้วยมะเร็ง กระทันทัน ทั้งที่ตรวจ นินเงนด๊อก ทุกปี)
ต่อจาก นินเงนด๊อกแล้ว ก็จะตรวจหา การขาดสารอาหารโดยการเจาะเลือด , ส่องกล้อง จากผิวหนัง ท้องแขน , ดูการเคลื่อนไหว ของเลือดในหลอดเลือด ที่ตรงกล้ามเนื้อคอ เพื่อดูว่า เลือดไปไหลเลี้ยงสมอง อย่างสมบูรณ์หรือเปล่า (ตามทีวี) ค่าใช้จ่าย ก็เพิ่ม ในส่วนนี้ อีก ประมาณ หมื่นบาท แล้วจะได้ผลออกมาว่า ควร อะไร
การใช้ อาหารเสริม นั้น ต้องศึกษา ก่อนใช้ เพราะว่า อาหารเสริม บางตัว อาจจะไปขัด กับ อีกตัว ทำให้เกิด อันตราย ซึ่งสำหรับญี่ปุ่นแล้ว เขามีไซด์ให้ คนเข้า ไปค้นหา รายละเอียดกันได้ (แต่คงไม่ค่อยดูกัน)
อย่างที่ดูรายการทีวี การทานวิตามิน ซี กินไป (ทดลองกับหนู ) เป็นสาเหตุ ให้ แคลเซี่ยม ลดน้อยลง ทำให้เกิดกระดูกพรุน และ ก็ทำให้เกิด การเคลื่อนไหวช้าลง เหมือน คนชรา
ทางที่ดี ควรดูว่า เรากินอาหารอะไรในแต่ละวัน เลือกให้สมดุลย์กัน กินหลายๆอย่าง ไม่ใช่ชอบอย่างเดียว ก็กินมันอย่างเดียว

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ข้าวกล่อง お弁当 II
































ใครเคยสังเกต หรือ คิดกัน บ้างไหม ว่า คำว่า ปิ่นโต รับทำปิ่นโต
คำว่า ปิ่นโต นั้น ฟังไป คล้ายกับคำว่า เบนโต ของคนญี่ปุ่น เบนโต คือ กล่องข้าว
คิดไปเองว่า น่าจะสมัยสงคราม นี่คนญี่ปุ่น ที่นิยมเรียก ตัวเองว่า ยิปปอง (นิปปอง) หูของคนไทย ได้ยินเป็น ยี่ปุ่น (ญี่ปุ่น) ไป ก็อาจจะเป็นได้ ดังนั้น คำว่า เบนโต หรือคนไทย เรียกว่า ปิ่นโต นี้ อาจจะไปพร้อมกับ พวกทหารญี่ปุ่น ก็น่าจะคิดไปได้เหมือนกัน
คนญี่ปุ่น นี่ก็นิยมเอาข้าวไปกินที่ทำงาน กันไม่น้อย เพราะว่า แม่บ้านอยู่บ้าน ก็ควรที่จะทำอาหารไปให้สามีกินที่ทำงาน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกไปหากินข้างนอก อาจจะไม่อร่อย เท่าข้างนอก แต่ไว้ใจได้ (หากไม่ใช่แม่บ้านประเภท แม่บ้านไมโครเวฟ แม่บ้านแช่แข็ง ใช้อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็งละก็) น่าจะไว้ใจให้แม่บ้านเป็นคนดูแล สุขภาพให้ ว่าไหม

ดูภาพข้าวกล่อง ของคนที่บ้าน อาจจะต้องสงสารเขา เพราะว่า บางวันอาหารอาจจะซ้ำกับวันก่อน ก็แน่นอนแหล่ะ เพราะว่า เครื่องอะไรต่างๆ บางที ใช้ครั้งเดียวไม่หมด ก็ต้องรีบใช้ วันต่อๆ มา เพื่อว่า จะได้ไม่เสียก่อนถึงท้อง ให้ถึงท้องก่อน แล้วค่อยเสีย ดีกว่าไม่ใช่หรือ
















วันพุธที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ผักขมของแม่ กับ ほうれんそう(โฮเรนโส)ญี่ปุ่น

วันนี้ ไปองเซน ที่ อำเภอ นาคาโนะ (จังหวัด นางะโนะ) ชื่อ องเซน ป๋อมปุคุ ぽんぽこの湯
ก่อนจะกลับ เลยแวะดูเสียหน่อย เขามีผักที่ชาวบ้านแถบนั้น เอามาขาย

นี่อะไร นี่ ถามคนขายด้วยความตกใจ (นึกในใจเหมือน.... "ชอบ ชอบ" ) เรียกว่า ดีใจต่างหากที่ได้เจอ

ป้าคนขายบอกว่า โฮเรนโส

ในใจนึกไปอีกเลยว่า ไม่รู้มาก่อนเลยนะนี่ว่า ที่แม่ปลูกและผัดให้กิน คือ ผักคนญี่ปุ่นเรียกกันว่า โฮเรนโส ที่เป็นตัวเต็มวัย ฮ่าฮ่า เรียกว่า โตเต็มวัย น่าจะดีกว่า

ปกติแล้วในซุปเปอร์มาเกต เราจะเจอกันแต่ แบบในรูป ลองดูนะคะ

แต่ผักขม (ผักป๊อปอาย หรือ ที่เรียกกันว่า ผักป๋วยเล็ง) ของแม่นี้นั้น เป็น "ต้นไม้" ภาพข้างล่างนี้ เป็นกิ่ง


วันนี้ ผักโฮเรนโส ของป้าที่ ป๋อมปุคุ องเซน นั้น เหมือนของแม่เลย คือ ปล่อยให้มันโตๆ แล้วเก็บส่วนกิ่งที่หมาเยี่ยวรสไม่ถึง แม่ว่าอย่างนั้น
เอามาผัด กับ เต้าเจี๋ยว ก้านกรอบ อร่อย คล้ายผักคะน้า ใบนั้นกินคล้าย ผัดผักบุ้ง

ที่ผ่านมานั้นไม่เคยรู้เลยว่ามันคือผักอย่างเดียวกัน รู้จักแต่ว่า โฮเรนโส นั้นคือผักที่ กินแหยะแหยะ
วันนี้คิดถึงแม่ เป็นพิเศษ เพราะผักขมคุณป้าคนนี้ ไม่เหมือนใครในญี่ปุ่นแถบนี้

วันนี้เป็นวันอร่อย พิเศษ เป็นวันเด็กของแม่ (จริงแล้ววันนี้ วันที่ ๕ เดือน ๕ เป็นวันเด็กญี่ปุ่น แต่ผู้ใหญ่ก็หยุดด้วยนะ)


หมายเหตุ ほうれん草  ตัวคันจิ ตัวหลัง คือ คุสะ ที่แปลว่า หญ้า ผักประเภท ที่เป็นหญ้า นั้น ทนทาน ทั้งหนาวและร้อน

คิดว่าผักประเภทนี้ ดีต่อ สุขภาพค่ะ

ผักชี บ้านเรานี้ ทนจริงๆค่ะ หิมะตก ก็อยู่ใต้หิมะ กลิ่นเท่านั้นคลาย จางไป โตเต็มที่ ออกดอก เม็ดร่วง ก็ขึ้นมา ใหม่ วนอยู่อย่างนี้

เช่นเดียวกับ โซบะ ที่คนญี่ปุ่น กินเป็นอาหาร คิดว่า โซบะ ก็จัดเป็นหญ้าชนิดหนึ่งเหมือนกัน พอหิมะ หายจากพื้นดิน ต้นโซบะ ก็เริ่ม เต็บโต จากเม็ดที่ร่วงหล่นเมื่อปีก่อน (จริงแล้วโซบะ นี่ไม่ใช่อาหารดีอะไรหรอก คนที่นี่บอกว่า เมื่อยามสงคราม ข้าว ไม่มี มีไม่พอ ต้องหาอย่างอื่นมาแทน จึงเป็นที่มาของการกินโซบะ เป็นอาหาร)

อย่างนี้เล่า คนญี่ปุ่น สมัยก่อน จริงได้ มีอายุยืนยาว โดยเฉพาะ ผู้ชายที่จังหวัดนะงะโนะ นี่ เป็นจังหวัด ที่ขึ้นชื่อ ด้าน โซบะ ดังนั้นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ ที่ชายที่นี่อายุเฉลี่ย สูงที่สุดในญี่ปุ่น คือ๘๔ ปี