วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

remixed กับข้าวเก่า "สาหร่าย ฮิจิคิ"




วันก่อน ทำ 煮物 (นีโมะโนะ) ใส่ สาหร่าย ฮิจิคิ แล้วก็ แครอท จากสวนปีนี้ (ที่บอกปีนี้ เพราะว่า หน้าหนาวแล้ว ต้องถอนมาฝังดินไว้ในสวนหน้าบ้าน เวลาจะใช้ก็ไปดังเอามา) ใส่มันเทศลงไปด้วย ปรุงรส หวานเค็ม เป็นกับข้าว คนแก่ๆ หรือ จะบอกว่า คนญี่ปุ่น นั้นชอบรส หวานเค็ม เขาจึงชอบแกงเขียวหวาน แต่หากคนไทย ต้องบอกว่า แกงเผ็ด แกงป่า แกงส้ม เสียกระมัง


ว่าแล้วเหลือ นิดหน่อย จะทิ้งก็เสียดาย สามี ยังไม่ได้กินเลย เพราะว่า กลับดึกๆ ต้องทำเมนู อีกแบบ ที่ ไขมันต่ำ


เอาแหล่ะ ของเหลือ นี่แหล่ะ ทำใหม่ เอามันเทศออกซะ แล้ว เพิ่ม ผักสีเขียว ของที่มีในตู้เย็น คือ มิซึบะ ผสมไข่ตี แล้ว ม้วน เหลือ ๒ ชิ้นเท่านั้น ไว้อุ่นใส่กล่องข้าว ให้สามี ไปกินที่ทำงาน

งานอดิเรก ร้อยสร้อยลูกปัด



กว่าเราจะหาสิ่งที่เราชอบ ทำแล้วมีความสุข มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จำได้เสมอ เมื่อเราเข้าชั้น ม.ต้น อาจารย์ฝ่ายแนะแนวการศึกษา จะเฝ้าถามนักเรียนเสมอ ให้นักเรียนคิดมาว่า อยากจะเป็นอะไร ทำอาชีพอะไร มันเป็นเรื่องยากมากๆ เขียนๆ ส่งๆ ไปอย่างนั้นแหล่ะ

ใครที่มองตัวเองได้ออกก่อน คนนั้นก็อาจจะนำไปก่อน แต่ก็ใช่ว่า จะถูกต้องเสมอไป ระหว่างทางนั้น อาจจะมีการลังเล ว่าตัวเองมาผิดทาง กว่าจะถอนตัวเอง หรืออยากจะถอยหลังมาตั้งลำกันใหม่ ก็ใช่เรื่องง่ายๆ เรานั้นอยู่ในข่ายนั้นคนหนึ่ง

แต่วันนี้ ตอนนี้ รู้ว่า ตัวเองชอบ เครื่องประดับ ที่ผ่านมา ไม่มีโอกาส ได้ศึกษา อะไรจริงๆ จังๆ รู้ว่าชอบ แต่คงไม่มีความสามารถ หรือ ไม่มีเวลาพอ

เส้นที่เห็นนี้ จริงแล้ว ยังไม่เป็นที่พอใจ ในบางจุด อาจารย์ที่สอนก็บอกว่า ไม่เป็นไร ดูของอาจารย์สิ ยัง เป็นแบบนี้ แบบนี้ แต่เรานั้นขอแก้ใหม่

ซึ่งเราก็แก้เรียบร้อยแล้ว (แต่ไม่ได้ถ่ายภาพ) เห็นไหม ถ้าใจมันรัก มันก็ยอมที่จะทำซ้ำ ทำซาก ปรับให้ถูกใจตัวเอง "ดีใจ ที่ตัวเองได้มีโอกาส ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ขอบคุณ คุณสามี ที่ให้ความสนับสนุน"

วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล กับ อากาศหนาว แย่เลย

สวัสดีค่ะ เมื่อวานนี้ ทำถั่วเขียวต้มน้ำตาล ที่จริงไม่ค่อยอยากจะกินสักเท่าไร แต่ว่า ด้วยว่า ไม่มีอะไรจะทำ แล้วก็เห็นถั่วเขียว และจำได้ว่า มันปีกว่าแล้วน่ะ ไม่ใช้จะเสียของ
ผลของการกินถั่วเขียวต้มน้ำตาล ภายในหนึ่งชั่วโมง ต้องบอกว่า หนาวสุดๆ หนาวแบบว่า อบตัวในโต๊ะโคะตะซึ แล้วก็ยังเอาไม่อยู่ มือและปาก หน้าเย็นลงมากๆ รีบไปชงยาผงป้องกันไข้หวัด และติดแผ่นแม่เหล็ก(แก้หนาว) ก็แล้วยังออกอาการ สุดท้ายต้องรีบไปอาบน้ำแช่น้ำร้อนเกือบชั่วโมง แล้วกินข้าว แล้วก็ชงยาผงอีก ตื่นเช้ามายังคงอาการคล้ายไข้ ยังคงปวดหัวตุ๊บๆ ต้องระดม น้ำอุ่น ชาใส่ขิง ขับไข้กันเป็นการใหญ่ กว่าจะอาการดีขึ้นก็เล่นเอาเย็นอีกวัน คือ วันนี้ ตอนนี้
อาหารเมืองร้อน เมืองหนาว นั้นไม่เหมือนกัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อหลายปีก่อน เจอเหมือนกัน ซื้อมะม่วงดิบ น้ำปลาหวาน มาจากร้านขายของไทย ตอนนั้นก็ช่วงฤดูหนาว อาการคือ ปวดท้อง มันเย็นในท้อง สามีก็เคยเตือนว่า อาหารพืชเมืองร้อน อย่ากินในหน้าหนาว เห็นแก่ว่า จะเสียของ เลยเป็นอย่างนี้ เห็นทีจะต้องทิ้ง เจ้าถั่วเขียวต้มน้ำตาล ที่ยังเหลือเก็บไว้ในตู้เย็นเสียแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

กับข้าว ญี่ปุ่น สีแบบนี้



ใครที่เคยเห็น อาหารญี่ปุ่น สีสวยๆ หากมาอยู่บ้านนอก คงจะต้องร้อง เคยดูละคร ตัวละครเอกยังมีความรู้สึก เปรียบเทียบแม่ตัวเอง กับ แม่ของเพื่อน แม่เธอนั้นแบบว่า บ้านนอกแท้ๆ ไม่ประยุกต์อาหาร อาหารไม่ได้น่ากินเลย ไม่มีสีสรร


อาหารไม่มีสีสรร นี้ อร่อยถูกปากเรา แถมดีต่อสุขภาพด้วยค่ะ ไม่ต้องใช้น้ำมัน

ส่วนผสมมี

山菜(水煮)มีขายตามซุปเปอร์ค่ะ

สาหร่าย วาคะเมะ สด (ก้านกลาง)

เห็ดเข็มทอง

ปรุงรส ด้วย มิริน โชยุ และ น้ำส้ม ค่ะ ไม่ต้องใส่ ดาชิ (ผงชูรส ญ๊ปุ่น) หากใครชอบความหอมของน้ำมันงา ก็ใส่ตอนสุดท้ายก็ได้ค่ะ ได้อีกรสหนึ่ง

ปรุงรสอ่อนๆ กินได้เยอะค่ะ

แอปเปิ้ล พันธุ์ ฟุจิ มาแรงในตอนนี้



เห็นอะไรหรือไม่ค่ะ ทำไมเขาเรียก สัปปะรด ในภาษาอังกฤษว่า pineapple

พอทานแอปเปิล พันธุ์นี้ ในฤดูนี้ คือ ตั้งแต่กลางเดือน พฤษภาคม ถึงกลางเดือน ธันวาคม เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยว แอปเปิ้ลจะมีน้ำข้างใน พอทานแล้วจะได้รับรสของ สัประรด คือ จะมีอมเปรี้ยว กลิ่นจางๆ คล้ายสัปปะรด (เป็นคนรับกลิ่นได้ดี) ทำให้นึกถึงคำว่า สัปปะรด ในภาษาอังกฤษ คนที่ทานแอปเปิ้ลไปคงจะได้รับรสนี้ก่อน แล้วไปตั้งชื่อ สัปปะรด ก็เป็นได้ (คิดเองค่ะ)

แต่ว่า แอปเปิ้ลที่มีน้ำนี้ เก็บได้ไม่นาน น้ำนั้นจะซึมออกมาทางผิวนอก เหนียวหนิบหนับเลยค่ะ

แอปเปิ้ล รสชาด แท้ๆ นั้น เนื้อจะแน่น ไม่ แบบ ซวกๆ นุ่มๆ แบบบ้านเรา เพราะว่า บ้านเรานั้นร้อน แอปเปิ้ลก็รักษาระดับน้ำภายในไว้ไม่ได้ เลยนุ่มๆ แต่เราก็คุ้นเคย เสียแล้ว และว่าอย่างนั้นอร่อย ก็เห็นจะไม่ผิดค่ะ ของมันคุ้นเคย เข้าใจ เข้าใจค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เต้าหู้แผ่นแห้งญี่ปุ่น (こうや豆腐)













อาหารจานนี้ ว่าจะทำ จะทำ แต่ไม่ได้ทำสักที ปีนี้ กับงานการเกษตรของอำเภอ ที่ บุโดะ เซนต้า

(เขียนแบบ สำเนียงญี่ปุ่นค่ะ) เวลา ที่พักตอนเหนื่อย เขาจะเอาอาหารมา กันค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะแบบว่า เอามาแล้ว ต้องไม่น้อยหน้ากันค่ะ ต้องอร่อย ปีนี้ เราได้กิน เต้าหูแห้ง นี้ แล้ว ต้องบอกว่า อร่อย ติดใจเลยค่ะ จำสูตรไว้ กว่าจะได้ทำ ก็แทบจะลืมเลยค่ะ

หน้าตามันอาจจะไม่ดูดี แต่ ขอบอกว่า รสชาด นั้น รับประกันความอร่อยเลยค่ะ


ขั้นตอนแบบเขียนง่ายๆ คือ ว่า แช่แผ่นเต้าหู้ ในน้ำร้อน แต่เราว่าจะให้รสชาดที่ดีหน่อย เราก็เลยแช่ในน้ำสักพัก แล้วก็แช่ในน้ำจิ้มโซบะ

เสร็จแล้ว ก็ コロモをつけて (ชุบในแป้งสาลี) แล้วก็ทอดค่ะ

ขณะที่ทอดไป เราก็ทำน้ำเชื่อม โดย มีแป้งมัน โชยุ มิริน น้ำจิ้มโซบะนั่นแหล่ะ (เรานั้นทำน้ำจิ้มนี้ไว้เสมอ มันคือ ผงชูรส ที่ดีต่อสุขภาพ) บวกน้ำตาลแดง อีกนิดหน่อยค่ะ

ทอดเสร็จแล้ว ขณะร้อนๆ ก็ชุบในน้ำเชื่อมเลยค่ะ จะกินร้อนหรือเย็นก็อร่อย



วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หมอฟัน อุดฟันที่ญี่ปุ่น

อดที่จะเอามาเขียนไม่ได้ เผื่อมีคนตกใจเหมือนเรา เรื่องคือว่า ฟันที่เคยอุดมานานแสนนานหลายปี (เมืองไทย) มันเกิดแตกแยก ออกจากกัน ดังนั้น จึงทนไม่ได้ ต้อง โทรไปคลินิค หมอฟัน (ที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องนัดหมาย เสียส่วนใหญ่ ดังนั้นคนที่คิดจะมาญี่ปุ่น แล้วภาษาญี่ปุ่น นั้นไม่ค่อยได้ หากไม่มีคนคอยช่วยเหลือ ก็ต้องคิดนะคะ)

คลินิคทำฟันที่ญี่ปุ่น คลินิค ที่ได้รับความนิยมหน่อย จะต้องคอยคิวนานค่ะ ซึ่งเราเองก็คองจะคอยคิวนั้นไม่ไหว หลังจากเขาบอกคิวเรา อย่างน้อย ก็ช่วยดูให้ฉันหน่อยเถอะค่ะ แล้วจะจัดคิวอย่างไรก็ค่อยคุยกัน จะได้ไหมค่ะ นี่คือ สิ่งที่เราต่อลองไป

และแล้ว เราก็ได้คิว คือ คิวที่คอยไปแทรก ระหว่างเวลาอันน้อยนิด ที่คนไข้คนก่อน เสร็จเร็วกว่ากำหนด แล้วคนใหม่ยังไม่มา ก็เรียกว่า รอนานเป็นชั่วโมงเหมือนกันค่ะ คลิกนิคดังกล่าวที่เราไปนั้น จะมีหมอใหญ่ คือ หมอเจ้าของเพียง ๑ คนเท่านั้น นอกนั้นก็จะเป็นหมอเด็กๆ ใหม่ๆ หลายคนค่ะ

ก่อนอื่น พอไปแล้ว

๑ . ต้องเอาบัตรประกันสุขภาพไปนะคะ ถ้าไม่มี ต้องบอกว่า แพง สุดๆ เพราะโดยทั่วไป บุคคลธรรมดา ที่ประกันสุขภาพ ก็จะเสียค่ารักษา ๓๐ เปอร์เซ็นต์ค่ะ (ส่วนบุคคลทุพพลภาพนั้น ว่าไปตามส่วน จนถึงรับการรักษาฟรีค่ะ) ประกันสุขภาพที่ญี่ปุ่น นั้น มีข้อดีหนึ่งคือ ว่า ไม่ต้องจำกัด สถานพยาบาล เหมือนบ้านเราค่ะ ใกล้ ที่ไหน สะดวก หรือ ว่า ที่ไหนว่าดี ก็ไปค่ะ

๒. กรอกข้อความ ชื่อ ที่อยู่ เป็นอะไรมา มีความต้องการอย่างไร รักษาในประกัน หรือ ว่าไม่เกี่ยงราคา อันนี้ คิดว่า แล้วแต่สถานที่นะคะ

๓. พอถึงคิว แล้ว ก็บ้วนปาก แล้ว หมอใหม่ จะดู จะเคาะ จะแงะ ตรงนี้ใช่ไหม

๔. ถ่ายเอ็กซเรย์ฟันกันเลย ถ่ายหลายแบบค่ะ แบบภาพรวม คือให้เห็นรากฟัน และก็ ด้านบนหน้าฟัน ด้านซ้าย ด้านขวา ด้านล่าง ด้านบน อันนี้ ต้องบอกว่า คลินิคนี้ เครื่องใหม่ดีหน่อยค่ะ เพราะ นึกถึงภาพสมัยเมืองไทยได้ เอาแบบแผ่นเหล็กมาแทรกระหว่างฟัน เพื่อจะเอ็กซเรย์ เจ็บค่ะ

๕. เราก็กลับมาที่นั่ง ดูภาพถ่าย ภาพถ่ายฟัน นะคะ หมอน้อย ก็จะอธิบาย เรื่องเกี่ยวกับฟันของเรา ปัญหา ที่เจอ ที่เห็นได้จากการถ่ายเอ็กซเรย์

๖. หมอใหญ่ ก็มาดูเรา เพื่อสั่งการ ค่ะ วันนี้ หมอบอกเรา ว่าจะฉีดยา ชา เพื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บ แล้วก็ทำอีกนิดเดียว ก็เสร็จ

๗. พอฉีดยาชา เสร็จ เราก็ได้รับการปล่อยตัวค่ะ มานั่งรอ ให้ยาชานั้นออกฤทธิ์ ใช้เวลาประมาณ ๒๐ นาที คุณหมอบอก

๘. ยาชาออกฤทธิ์ ซึ่งไม่เต็มที่ เพราะเรานั้นแข็งกว่า ยา (ล้อเล่นค่ะ ออกฤทธิ์ที่ลิ้น ที่ขอบปากมากกว่าค่ะ) พอหมอ กรอเอาของเก่าออกซึ่งมันแน่นจริงๆ เพราะจะได้ว่า หมอเดิม แบบว่า กดสุดแรงชาย เรานั้นก็เจ็บ หมอก็น่ารักดีค่ะ "น่าสงสาร ท่าจะเจ็บ อดทนหน่อยนะคะ อีกนิดเดียวค่ะ" พอเสร็จแล้วก็ให้หมอน้อย หมอใหม่ๆ มาอุดให้เรานะคะ ขณะอุดไป คุณหมอน้อย ก็พูดว่า มันอาจจะ しみれる かもう อ้าวฟังแล้ว ก็หวั่นไหว เลย แล้วทำ ทำไม ทำไม่ดี จะรั่ว จะซึม ทำ ทำไม ฟังแล้วก็คิด เพราะ ไม่อยากจะพูดอะไรเลย เนื่องจากปากนั้นเบี้ยวๆ แค่อมน้ำบ้วนปาก ยัง คอนโทรล ไม่ได้เลย เฮ้ยอะไรก็ได้ เย็นแล้วด้วย เป็นห่วง หมา เป็นห่วงเรื่องครัว มากกว่า ตอนนี้

๙. รอจ่ายเงิน ที่เคาเตอร์ก็บอกว่า วันนี้เสร็จแล้ว เอ๊ะ เมื่อกี้ หมอข้างในบอกว่า ต้องอีกหลายครั้ง ต้องทำความสะอาดฟัน ไม่นั้นจะก่อให้เกิดโรค รัมมะนาด

แต่บอกแล้ว ว่า ไม่อยากจะพูดอะไร ก็ได้แต่ตกใจข้างใน และพอวางสตังค์ ก็ออกปากดีกว่า "ครั้งต่อไปเมื่อไรค่ะ" ถามก่อนเลย เรายังไม่อยากเสร็จหรอกน่ะ ก็ได้ยินแล้วน่ะ ว่า ตรงที่อุดอาจจะมีการซึม

๑๐. หมอข้างในบอกมาว่า อย่าเพิ่งทานอะไร ภายใน ๒ ชั่วโมงนะคะ รับทราบแล้วค่ะ พอกลับมาถึงบ้าน บ้วนปาก ดูกระจก ตกใจเลยค่ะ

เฮ้ย ฟันมีสีชมพู ที่นี่เขาอุดฟันสีนี้หรือ น่าเกลียด ถึงแม้จะชอบสีชมพู แต่น่าเกลียดจัง ถามคุณแม่ ที่บ้านนี้ เธอบอกว่า เดี๋ยวสีก็ลอก อันนั้น เขาใส่ยามาน่ะ เอ้ยพูดจริงหรือ หรือจริง แบบเมืองไทยเรา หมอจะเอาแผ่นสี มาให้เรากดฟัน เพื่อดูว่า ระดับมันได้หรือเปล่า หรือแผ่นสี หว่า เมื่อกี้ เรากัดแผ่นเหมือนกัน แต่ดูแล้วไม่ใช่นี่หนา มันคืออะไร แบบนี้เดี๋ยวมันก็หลุด แล้วเมื่อกี้ที่หมอบอกเรานั้นว่า อีก๒ ชั่วโมงค่อยกิน สักจะไม่แน่ในใน ภาษา ในหู ในความรู้สึก ที่เราเข้าใจเสียแล้ว เข้าใจผิด เข้าใจถูก อย่างไร ทนไม่ไหว ต้องเช็กในเนตท์ เผื่อมีใครเป็นแบบเรา

ไม่เจอแฮะ โทรไปถามพี่ ที่นี่ดีกว่า "พี่ก็บอกว่า คิดว่า คงเป็นแบบชั่วคราว หมอที่นี่ ทำหลายที คิดว่า ต้องเปลี่ยนอีกหลายที พี่ก็ไม่เคยทำ" อ้าว รอสามีหรือ ฉันหิวข้าวน่ะ กว่า สามีจะกลับ พอดีเป็นลม แบบนี้จะกินได้ไหมนี่

ไม่รู้ แล้วไม่สนแล้ว กินข้าวดีกว่า จะเป็นลม แล้วค่อยว่ากัน แต่ก็เคี้ยวไม่เต็มที่นะคะ นี่แหล่ะ ความกังวล มีหลายเรื่อง ในญี่ปุ่น ในที่ที่เราไม่ได้มาเกิด ที่นี่ ต้องเรียนรู้ใหม่

สรุป พอสามี กลับมา ก็โดนดุ เอาแบบว่า เขาอุดชั่วคราว ไม่เข้าใจ ทำไมไม่ถามหมอ อ้าว ก็ใครจะเห็นฟันล่ะ ร้านหมอ ไม่ใช่ร้านเครื่องสำอางน่ะ ที่จะมีกระจกมาให้ส่อง

ฟันนี้ ยังคงจะอยู่กับเราเป็นเวลา เป็นเดือน เพื่อรอการ ขูดหินปูน ซึ่งจะทำได้ครั้งหนึ่งไม่เกิน หกซี่ แล้ว จะใช้เวลาอีกนาน แสนนาน กับการหาหมอฟันในญี่ปุ่น (เคยขูดมาครั้งก่อน ก็ใช้เวลาทั้งสิ้น ๖ครั้ง ขูด ๔ ดูผล สรุปผล) และหลังจากนั้น ก็จะเปลี่ยนถอดฟันสี แสนสวยนี้ออก แต่ตอนนี้ ที่รั่วซึม ก็ได้รับ กาว โรยรอบฟัน มาใช้กันก่อน กาวนี้ ยานี้ ดีมากเลยนะคะ เห็นผลเลยค่ะ คุณหมอใหม่ ที่ทำหน้าที่ประจำให้กับเรา คุยเสียอีก ยังดีนะคะ ที่หมอ น่ารัก ใจดี เลยให้อภัยที่ต้องใช้เวลานานได้ ไม่นั้นเปลี่ยนคลินิคอีก

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แอปเปิลอร่อย ใน เดือนนี้

หลังจากห่างหายไปกับงานการเกษตร ตอนนี้ ก็เริ่มจะว่าง ยังคงเหลือ อีกเพียงหนึ่งวัน และ กับการท่องเที่ยวคลายเหนื่อยกับงาน



และที่เหลือ คือ การเคลียร์พื้นที่ผักสวนครัว และ สวนในบ้าน หลังจากนั้นคงได้นั่งประจำเครื่องคอม กับโต๊ะไฟฟ้า ร้อนๆ อีกหลายเดือน



เอ้า ไหนๆ ก็ทำงานการเกษตร แล้ว ก็อยากจะแนะนำ แอปเปิ้ล ที่อร่อย ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และ เดือนนี้ เลย



ช่วงเดือน ๑๐ -๑๑ นี้ ต้องบอกว่า ที่นะงะโนะ แล้วละก็ แนะนำว่า ต้อง シナの ゴールド เลย สายพันธุ์นี้ เขาเริ่มวิเคราะห์วิจัย กันต้องแต่ไป ๑๙๘๓ และพัฒนา จนได้รับการลงทะเบียนในปี ๑๙๙๙ ดูสิพยายามกันจริงๆ



แอปเปิ้ลจะเป็นสีเหลือง เนื้อในก็สีค่อนข้างเหลืองนิดหน่อย หวานมีเปรี้ยวปนนิด กลิ่นหอมหน่อยๆ บอกได้เลยช่วงนี้ต้อง ชินะโนะ โกลเด้น นี่แหล่ะ แอปเปิ้ลนั้นมีหลายสายพันธุ์ ที่ดูจากแคตตาล๊อกที่นี่แล้วก็ ๒๐ กว่า สายพันธุ์แล้ว อะไรจะอร่อยถูกปากใครก็ต้องลองค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของ สายพันธุ์ฟุจิ อดทนไว้สำหรับพวกที่ชอบ แอปเปิ้ล สายพันธุ์ ฟุจิ ไม่นั้น คุณจะได้รสชาด ที่อ่อน ปนฝาดนิดๆ ลองดูภาพนะคะ ถ่ายคู่กับ ฟูจิ



แขนชา มือชา สาเหตุ อาจจะ แก้ง่ายๆ โดย

หลังจากเขียนเรื่องเท้าไปแล้ว ทำให้นึกได้ต่อไปว่า ต้องเขียนเรื่องแขน
หลังจากแต่งงาน มาอยู่ญี่ปุ่น ได้สักปี (ตอนนี้ ปีที่หก) ปีที่สองเริ่มแขนชา ปีที่สามก็แขนชา โดยเฉพาะฤดูหนาว ทนไม่ไหวแล้ว เราไม่เราต้องแขนชา มือชา ไปหาหมอ หมอญี่ปุ่นนี่ดีน่ะ หาสาเหตุด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ แคะกระดูกแขน แคะนิ้ว ข้อต่างๆ เราก็มีปฏิกริยาตอบสนองดี หามันไม่ได้เสียที สุดท้ายก็วิวัฒนาการนั่นแหล่ะ คือ การฉายเอ็กซเรย์ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกัน เอาแบบภาพมาเลย ดูแล้ว ก็กระดูกสมบูรณ์ดี แต่ว่า ข้อต่อที่คอนี่ยาวกว่าคนที่ทั่วไป หนึ่งข้อ และแล้วก็ดูหน้า แล้ว ถามว่า มาจากไหน(ประเทศ) พอได้ความว่า เอ้ย คนไทย ร้อนๆ มาอยู่หนาว
คุณหมอ เลยได้ความคิดเลยว่า.....
ต้องความหนาวเย็นลงคอ ลงบ่า และ ทำให้ปวดชา เอางี้ หมอให้นวดเพื่อบำบัดขั้นต้น ไม่ต้องกินยา ไปนวดเลย คิดว่า คนนวดเสียอีก เป็นเครื่องนวด ไปนอนเตียงน้ำ นวดด้วยน้ำ บนเตียงอุ่นๆ แล้วก็ อีกเครื่องเลย ติดปุ่มกันให้กระหน่ำ ใส่ไฟฟ้า กันกระจุย ( กลับบ้านวันต่อมา เป็นจ้ำๆ ช้ำๆ)
แล้วบอกว่า คุณควรพันคอไว้เยอะๆ จะทำให้ดีขึ้น และแล้ว ถึงหน้าหนาวทีไร เราจะต้องมีผ้าห่มคอแยะๆ แต่เราก็ไม่ต้องกลับไปหาหมอ ให้เราเป็นจ้ำๆ ช้ำๆ อีกต่อไป) หมอนี่คิดได้ไงนี่ เรื่องง่ายๆ ที่คนไข้มองไม่ออกด้วยตัวเอง ต้องไปเสียเงินให้หมอ อย่างว่า สุภาษิตไทย ก็บอกอยู่แล้ว คนโง่ต้องเป็นเหยื่อของคนฉลาด เส้นผมบังภูเขา ก็ได้น่ะ เขียนมาจะได้ไม่ต้องเอาเงินไปให้หมอใช้ เก็บไว้ซื้อผ้าพันคอสวยๆดีกว่า

ปวดเท้า สาเหตุอาจจะ...แก้โดยวิธีนี้

อาจจะเป็นเรื่องที่ตัวเองไม่คาดคิดว่าสาเหตุหนึ่งนั้นคือ การที่เท้าเย็น โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในญี่ปุ่น หรือคนไทยที่สงสัยกันว่า ทำไมญี่ปุ่น จึงชอบใส่ถุงเท้า ถึงแม้จะหน้าร้อน ที่เรานั้นร้อนจนแสนจะทนได้ แต่ก็ไม่เหงื่อไหลหยดย้อย แบบคนญี่ปุ่น เพราะว่า เราไม่ใส่ถุงเท้านั้นไงล่ะ
และแล้ว เราก็ทนเจ็บปวดเท้า แสนจะร้าวราน โดยเฉพาะในตอนกลางคืน เวลาที่ต้องตื่นไปเข้าห้องน้ำ อย่าบอกเลยว่า ไม่รู้จะวางเท้าลงกับพื้นอย่างไร มันปวดไม่รู้ว่าปวดที่ไหนกันแน่ แต่พอกลางวัน มันก็ค่อยๆ เลือนหายไป ทำให้เราไม่รู้ว่ามันปวดอย่างไรกันแน่ หาสาเหตุ จากเวปซ์ไทย ก็ได้คำแนะนำว่า ต้องเปลี่ยนรองเท้า เลือกให้เหมาะกับเท้า เราก็เปลี่ยน ทั้งแพงทั้งถูก เสริมด้วยแผ่นรองรับเท้า (ทั้งแพง ทั้งถูก ดีกว่าไปหาหมอน่ะ เพราะเชื่อแน่แท้ว่าเราไม่ได้เป็นโรค) เราก็ลองโน่นลองนี่ เป็นเวลาจำไม่ได้ แต่ว่า ไม่ ๒ ปี ก็ ๓ ปี ทนไม่ไหว ตื่นมาต้องพาหมาไปเดิน เอ้าติดแผ่นกันปวดก็แล้วกัน เวลาเร่งรีบ
จนปีนี้ ที่ทำงานมีคนเห็นเท้าเรา (เพราะว่าเราไม่ใส่ถุงเท้า) เขาก็ทักว่า ทำไมไม่ใส่ถุงเท้า เราก็บอกว่า มันร้อนน่ะ เราก็บอกว่า 体冷えちゃうよ。คือร่างกายมันจะเย็น (เย็นแล้วมันจะเกิดโรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคปวดเมื่อยมาก่อนเลย) หรือ อย่างนั้นหรือ
ลองเชื่อเขาสิ เพราะเขาเป็นคนท้องถิ่น เขาบอกว่า ที่ญี่ปุ่นนั้น มันเย็น (คิดเลยว่า จริงแน่ะ เพราะเขาบอกว่า คนที่ยืนทำงาน โดยเฉพาะที่ซุปเปอร์ พวกจนท. คิดเงิน พวกนี้ จะร่างกายไม่ดี เนื่องจากเท้าจะเย็น) พื้นดินที่ญี่ปุ่นนี่ก็จะเย็นเหมือนกัน
และแล้ว เราก็เริ่มนึกได้ ว่าที่เราปวดนี่ตอนกลางคืน แต่เราก็ใส่ถุงเท้านอนแล้วนี่ คราวนี้
ลองใส่ ๒ ชั้นเลย ใส่มันสองคู่เลย ผลคือ ว่า ปวดน้อยลง แน่นอนแล้ว เราต้อง แบบว่า เท้าเย็น (มือก็เย็น อาจจะเป็นเรื่องของเลือดลมด้วย อันนี้) แก้แบบ แก้ได้ด้วยตัวเองก่อนเลย ต่อไปนี้ สองชั้นเลย แต่ที่ได้ดี ก็ แบบถุงเท้า สวมทั้งห้านิ้ว ไว้ชั้นแรก
มันรู้สึกดีขึ้น แฮะ จึงอยากบอกต่อค่ะ
ขั้นต่อไป ลองไป 低温 サウナー คือ ซาวน่า ที่อุณหภูมิ ต่ำ คือ ปกติแล้ว ซาวน่า จะอุณหภูมิ ๙๐ องศาเซลเซียส แต่ที่บอกว่า ซาวน่า อุณหภูมิต่ำ นี้ จะ ๖๐ องศาเซลเซียส ที่นะงะโนะ ที่ใกล้กับที่นี่ นี่จะมีที่ องเซน ที่ชื่อว่า まきば湯 จะมีหินจากหิมะละยะ และก็หินจากเกาหลี
ลองเอาขาไปวางใกล้ๆ กำแพงหิน ค่อยๆ อบขา ผลปรากฏว่า เท้าซ้ายหายสนิท ตอนนนี้ จะคงเหลือก็แต่เท้าขวา ที่ยังปวดบริเวณส้น อันนี้ก็ยังดี กว่า ปวดไปทั้งเท้า เหลือเอาไว้ ให้เราคิดอีกต่อไป แต่ว่า จะรีบร้อนก็คงไม่ใช่ เพราะเราก็เอามันไว้กับเรา เสียหลายปี
จึงเขียนมาเพื่อเล่า ประสบการณ์เกี่ยวกับตัวเอง เผื่อท่านที่เป็นเหมือนเรา จะได้ลองพลิกแผลง ทำการทดลองกับตัวเอง สวัสดี.....

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

งานปลูกต้นสตอเบอรี่

วันนี้ มีงานเล็กๆ มาให้ช่วยทำ คือ งานปลูกต้นสตอเบอรี่ ใน เฮ้าท์ เป็นงานง่ายๆ แต่ก็ปวดไหล่ได้เหมือนกัน เพราะว่า ระดับแปลงเขายกสูง กว่า จะรู้สึกตัว ว่าต้องเขย่งขา ถึงจะได้ระดับ ก็ปวดแขนไปเสียแล้ว
เป็นชีวิตที่ผกผัน เหมือนกัน ปีนี้ ทำงานเกี่ยวกับการเกษตรนอกบ้าน ไปแล้ว สองอย่าง คือ
การปลูกมันฝรั่ง รวมถึงเก็บมันฝรั่ง คือ เป็นอุตสาหกรรมเกษตร ไม่ใช่อุตสาหกรรมครัวเรือนแบบที่ทำเอง
ทำงานเกี่ยวกับ กระเทียม คือ ตั้งแต่ ตัดแต่งดอกกระเทียม ทั้งแบบมีกลิ่น และ ไร้กลิ่น เพื่อส่งขาย ทั้งในฤดู และ นอกฤดู ที่พูดคำว่า
นอกฤดู หมายถึง เขาจะทำการถนอมอาหาร คือ การแช่ในอุณหภูมิ ที่ดี สำหรับของนั้นๆ เพื่อความสด และ แลดูใหม่ เวลาไปถึงมือลูกค้า เพื่อ ให้ได้ซึ่งราคาที่ดี อันนี้ แตกต่างจากบ้านเรา ซึ่งเรามีกินกันได้ทั้งปี ไม่ต้องกังวลกันมากมาย

พอเรารับทำงานเกี่ยวกับ การเกษตร สักหนึ่งอย่าง แล้วหากเราเป็นคนขยัน มือ ไม้ไว ละก็รับรอง มีแมวมองค่ะ แต่คงไม่ใช่แบบ แคทวอค ไม่ต้องห่วงเรื่องทรวดทรงค่ะ แต่ต้องห่วงเรื่องกล้ามเนื้อ กำลังวังชา ยิ่งทำ ยิ่งแข็งแรงค่ะ งานพวกนี้ เป็นชีวิตที่ผกผัน จริงๆเหมือนกัน
นี่ไงค่ะ เขาบอกว่า คุณทำปัจจุบัน อย่างไร อนาคต ก็เป็นไปตามนั้น ปัจจุบัน ทำเกษตร อนาคต ก็มีงานเกษตร มาให้ทำ กำลังจะกลายเป็นเกษตรกรแข็งขันแล้วค่ะ
.......................................................................................................
โครงการใหม่ ที่กำลังจะเริ่ม กับน้องชาย (ที่พี่สาวคนนี้ห่วงใยเสมอ) ก็คือ การเลี้ยงไก่ แบบธุรกิจ ขนาดย่อม เลี้ยงไก่ แข็งแรง ให้ไก่ได้ออกกำลัง ไม่งกเงิน แบบว่าผลิตให้ได้ผลผลิตอย่างเดียว ผลิตแบบนั้น ไก่มันไม่ได้ออกกำลัง ก็เหมือนคนกระมั้งค่ะ เป็นไข้ เป็นหวัด "ยาที่ดีที่สุดของมนุษย์คือ การออกกำลังค่ะ" อันนี้บอกตรงๆ เลยว่า เดินออกกำลังกายแถวบ้านนี้ เจอโรงเลี้ยงไก่แบบนี้ แล้ว ต้องบอกว่า ไข่ของเขา ราคาดีกว่า ไข่ฟาร์มค่ะ บ้านเราจะอย่างไรก็แล้วแต่ ไข่ที่เป็นอาหารที่เคยกินได้ง่าย ราคาไม่แพง เดี๋ยวนี้ นั่งรถไฟ ยังไม่มี "ไข่ต้ม" มาขายเหมือนเดิมเลยค่ะ อยากทักทายคนขาย คนเดิม ที่เราเคยซื้อกันกิน สมัยตั้งแต่นั่งไปเรียนหนังสือที่อยุธยา ก็ไม่กล้าทัก เพราะรู้แล้วว่า "ไข่มันแพง ต้มมาพี่ก็ไม่ซื้อกันหรอก"

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

งานที่ง่ายๆ กับ บริษัท นินนิคุ ฟาร์ม

ปีนี้ เป็นปีที่สอง กับ การทำงานกับ บริษัท นินนุคุฟาร์ม
ปีแรกนั้น เริ่มทำงานที่ โรงเรือนชั่วคราว คือ ตัวโรงเรือน คลุมด้วย พลาสติกใส กันฝน แต่ไม่กันแดด เรียกว่า ทั้งวัน เหมือนเข้าห้อง ซาวน่า เลยแหล่ะ และแล้ว ทางโรงเรือนเกษตรของอำเภอ ก็ว่างให้ได้ไปใช้งาน คราวนี้โรงเรือนนั้นตั้งอยู่ในที่ทางผ่านลมดี หน้าร้อน นี้ยังหนาวเลย
งานที่ทำ ก็คือ ตัดราก และ ตัดก้าน พร้อมทั้งปอกให้สะอาดตา เสียเป็นส่วนใหญ่
ส่วนกระเทียม ไร้กลิ่น นั้น ก็จะแกะ พร้อมทั้งแยกส่วน คือ ส่วนที่จะเป็นเม็ดพันธ์ และ ส่วนใน ที่จะนำไปใช้งาน
และอื่นๆ ตามแล้วที่เขาจะสั่ง ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นงานง่ายๆ ไม่ต้องมีเอกสารใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำไปเรื่อยๆ ไม่รีบแต่เร่ง เพราะคนญี่ปุ่นนั้นทำงานกันแบบคล้ายๆ รีบๆ รนๆ
งานนี้จะมีแค่ช่วงระยะสั้นๆ คือ ตั้งแต่เดือน กลาง มิถุนายน จนถึง กลางสิงหาคม
ใครสนใจ หากอยู่ใกล้ๆ แถบ นะคะโนะ จังหวัด นะงะโนะ ก็เชิญดูรายละเอียดคราวๆ ตาม เวปซ์ของทางบริษัทเขาhttp://www.ninnikufirm.com

ปีนี้ถือว่า สนุกกว่าเดิมหน่อย เพราะว่า ได้ออกสวน ไปเก็บมันฝรั่ง และ ปลูกมันฝรั่ง
สนุก แต่ว่า ร้อนมากๆ ในญี่ปุ่นนี้ ร้อนคนละแบบกับเมืองไทย ร้อนแบบเอาเป็นเอาตายเลย ใครไม่เชื่อลองมาดูหน้าร้อนค่ะ แล้วจะรู้ว่าทำไมเขาจึงกลัวร้อนกันค่ะ





วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทอดอย่างไรให้อร่อย



ฝักทองลูกนี้ ติดมือคุณสามีมา ตอนถอนหญ้า เกิดการผิดพลาด ฝักทองลูกนี้หลุดออกมา แต่อย่างไรเสีย ต้องไม่ให้เสียของ เอามาทอด กับมันฝรั่ง ทอดด้วยวิธีเดียวกัน คือ ทอดน้ำมันที่ไม่ร้อน ทอดไฟอ่อนๆ ไปเรื่อยๆ และ เริ่มเพิ่มอุณหภูมิ เหมือนกับ การทอดปะเปี๊ยะ ที่ถึงแม้จะเย็น ก็ยังคงความอร่อย ข้างในจะซุยๆ


ฝักทองลูกนี้ ดูภายนอกแล้วอ่อนมากๆ แต่จริงแล้ว เหนียวใช้ได้เลย เพราะว่า เป็นลูกต้นๆ ฝักทองต้นหนึ่ง จะใช้ได้จริงก็แค่ ประมาณ สองผล เท่านั้น นอกนั้นก็จะไม่อร่อย


กินแต่ของอร่อยๆ อย่างนี้ คงต้องมีคนอิจฉาเป็นแน่








กินปู ที่ นิงะตะ



สิ่งที่สามารถหากินได้ง่าย อีกอย่างหนึ่งในญี่ปุ่นคือ ปู โดยเฉพาะที่จังหวัดนิงะตะ ที่อยู่ถัดไปจากนะงะโนะ

ไม่แพง สามารถอิ่มอร่อย แบบ เต็มที่โดยไม่ต้องกินอะไรเลย นอกจากปู ซื้อแล้ว จะนั่งกินที่เขาจัดเตรียมโต๊ะไว้ให้ หรือ จะใส่กะละมัง แบบที่เห็นแล้ว เดินไปกินด้านหลัง ใกล้ๆ ทะเล ก็ได้ เขาจะมีผ้าเช็ดมือ และ กรรไกร ตัดปูไว้ให้เรียบร้อย ใครมีโอกาสมา และ อยากจะลิ้มลอง ปูแท้ๆ ก็หาโอกาสให้ได้นะคะ




ง่ายๆ อิ่มอร่อย



วันนี้ด้วยความรีบและร้อน หลังจากไปสวนผักเก็บผักมา

อย่างแรกเลย ก็ทำกับข้าวให้คุณแม่ก่อนเลย

ผัดมะเขือยาวสีม่วง ผสม พริกหยวกหวาน กับน้ำมันงา ปรุงรสด้วย มิโซะ และ น้ำตาล

อันนี้ก็ได้รับการชื่นชมว่าอร่อย ก็แน่ละสิ เพราะผักเพิ่งเก็บมา มันต้องอร่อยอยู่แล้ว


ส่วนอีกเมนูที่เห็นก็ตามรูปเลย

แกงเลียง ง่ายมากๆ คือ ต้มน้ำ แล้วใส่ผงปลา ที่เรียกว่า คะซึโอะบุชิ แล้วเต็มผัก คือ ผักปลัง ( つるむらさき) และ ผักกระเจียบ (オクラ)และที่สำคัญคือ ใบแมงลัก ปรุงรสด้วย น้ำปลา เท่านี้ กลิ่นอายของแกงเลียง ก็ออกมาแล้ว ต้มไปเรื่อยๆ ขณะที่เตรียมเครื่องทำผักกระเพรา


ผัดกระเพรา วันนี้อร่อย เพราะว่า ได้ถั่วฝักยาว ที่อร่อย พริก และ กระเพรา รวมทั้งกระเทียม จากสวนปีนี้ ไม่ต้องใส่ผงชูรสแบบบ้านเราเลย ก็อร่อย ควรคู่กับฤดูร้อน แม้จะเป็นฤดูร้อนในญี่ปุ่น ก็ให้คลายเหงา คลายคิดถึงเมืองไทยได้ไม่น้อย

ขอบคุณสวนผัก และ คุณสามี ก็ช่วยไปถอนหญ้าให้ในบางเวลา

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

shunkiku


อาหารจานนี้ มาจากผักที่ชื่อ ชินคิคุ ลองทำแบบนี้ดู ก็ไม่เลว ผสมแป้งสาลีอ่อน กับ ไข่ และเกลือ แล้ว ตรงกลางวางผัก ลงไป ก็ดีเหมือนกัน

ตอนนี้ผักนี้ เก็บกินได้แล้ว ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ผักนี้คิดว่าปลูกได้ทั้งปี เพราะว่า หน้าหนาวๆ เราก็เอามาใส่กับ สุกี้ ญี่ปุ่น กลิ่นหอมดีค่ะ



ตกใจหมด








ที่ญี่ปุ่นนี่ ก็มีหนู เหมือนเมืองไทย เมื่อคราวก่อนหนูวิ่งกันในบ้าน กัดของในบ้าน กว่าจะไล่จับกันได้ เอาเครื่องไล่ไฟฟ้า มาก็แล้ว ได้ผลแต่วันแรกๆ แต่มาหนูรู้เสียแล้ว ก็จบกัน




กว่าจะจับได้ก็คือ กาวดักหนู นั่นแหล่ะ จนหนูตัวโต สมบูรณ์เต็มที่




นี่ก็เดียวมีหนูเข้าบ้านอีกแล้ว คุณแม่เขาก็เลยเอากล่อง กาวดักหนู มาวางไว้




แล้วก็ตกใจ ว่ามีของประหลาดอยู่ในกล่องให้ช่วยดูให้ที (จริงแล้วกล่องอยู่ในที่มืดๆ ซอกประตูเข้าบ้าน) ไอ้เราก็กลัว แต่ด้วยอายุน้อยกว่า ก็เลยต้องทำ แบบว่า ค่อยเอามือ คืบเข้าไป คีบมันออกมา กลัวก็กลัว




และแล้วก็ต้องถ่ายภาพมาเก็บไว้ มันประหลาดดี












ดูสิว่า อะไร "มันฝรั่ง" มันฝรั่ง ตกลงไปอยู่ในกล่อง คือ มันฝรั่งที่เราเก็บมาจากสวนปีที่แล้ว มาวางไว้ตรงชั้นใกล้ๆประตูเข้าบ้าน เวลาจะใช้งานก็ไปเอามันมา มันคงตกไป ดูสิ งอกออกหัว ออกหาง ออกขา ประหลาดไหม

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พรุ่งนี้ กับ การเริ่มงานในปีนี้

ตอนนี้ ที่ญี่ปุ่น เป็นหน้าฝน ปีนี้ หน้าฝนมาเร็วกว่าทุกปี ราวสองอาทิตย์ กลางวันก็เริ่มร้อน พืชผักก็กำลังงอกงาม โดยเฉพาะผักที่ฝังหัวในฤดูหนาว อย่างหอมใหญ่ กระเทียม ก็เริ่มเก็บเกี่ยวได้แล้ว อย่างที่สวนของเรานี่ ก็จะช้าหน่อย เพราะว่าเราไม่ได้ใช้พลาสติกคลุมดินไว้ เราปล่อยแบบธรรมชาติ ให้ผักของเราต่อสู้ธรรมชาติเอง (ใจร้ายหน่อย)

พรุ่งนี้ เราจะไปเริ่มงานการเกษตร คือ ปอกกระเทียม ตัดก้าน ตัดราก เรานั้นทำในร่ม ในโรงของการเกษตร
คือเป็นกระเทียมที่เขาปลูกไว้เพื่อส่งโรงงาน ที่จะผลิตอาหารเสริม มีทั้งกระเทียมไร้กลิ่น และ มีกลิ่นแต่เป็นสูตรพิเศษ (จดลิขสิทธิ์)
จะมีเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ขุด(โดยรถขุด) แล้ว มีคนไปตามเก็บ มาส่งให้ พวกเราที่เป็นคนปอก มีประมาณ ๓๐ คน
เป็นงานง่ายๆ แต่เราก็ตื่นเต้นเหมือนกัน
พอตื่นเต้น หรือ มีกังวล แล้ว ผลคือ คอแข็ง คอเคล็ด
ฉะนั้นจึงอยากจะบอกเพื่อนๆ คนอื่นๆ ว่า เวลาที่เรา เครียด ก็มีกังวล ก็จะมีผลที่คอเหมือนกัน คราวที่แล้ว รับปากจะไปทำอาหารไทย ให้สมาคม คนอาสา ก็คอเคล็ดไปแล้ว คราวนี้มาอีกแล้ว เฮ้อ มีด้วยเรื่องแบบนี้ จึงอยากจะบอกต่อ

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หมูทอดญี่ปุ่น 豚カツ(ton katsu)


อาหารอีกอย่างที่เป็นที่รู้จักกันในหมู่คนญี่ปุ่น โดยเฉพาะคนที่อายุน้อยๆ หน่อย ยังอยากจะกินแบบหมู แบบ เนื้อ
สามารถทำกินเองได้ในบ้าน แต่ก็ยุ่งยากนิดหน่อย แต่ก็ดีที่ทำเอง เราใช้น้ำมันใหม่ กินสบายใจกว่า
วิธีทำคือ
๑.หมูหั่นชิ้นพอคำ หรือ จะทำแบบชิ้นใหญ่ๆ แล้วไปสับทีหลังก็ได้ แต่หากไม่อยากเปรอะครัวมาก ก็หั่นชิ้นพอคำ จะได้ไม่ไปเปื้อนเขียง อีกทั้งมีดไม่ดี ก็พอดี แป้งกระจาย ไม่น่ากิน ไปเลย

๒. กรีดเนื้อหมูเป็นเส้นๆ แล้วใช้สันมีดทุบเบาๆ เพื่อไม่ให้หมูยึดติดกัน มันจะเหนียว
๓. โรยเกลือ นิดเดียวเพื่อให้หมูมีรส หรือ หากจะให้นิ่ม ก็ใช้ มอยองเนส (สำหรับผู้ต้องการความอร่อย แต่ไม่เน้นสุขภาพ)
๔. คลุกไปบนแป้งสาลี ไม่ต้องให้แป้งติดมาก เดียวไม่ติดไข่
๕. ชุบลงในไข่
๖. คลุกบนแป้งขนมปัง (หมูจะอร่อยก็แป้งขนมปังที่ดี คือ ควรทำเอง เขาขนมปังอร่อยๆ ของเรานี่ ไปตากแดด แล้วป่น ป่นมากก็จะเป็นแบบบนรูปนี้ คือ ไม่ฟูมาก)
สุดท้ายคือ ทอด ค่ะ
แล้ว เคียงด้วย กระหล่ำหัว ที่หั่นเป็นเส้นๆ
ส่วน น้ำจิ้ม ก็หวานเค็มค่ะ แนะนำว่า ใช้น้ำผึ้งผสม และ ก็ งาป่น จะเพิ่มความอร่อย แล้วก็ใส่แป้งมันนิดหน่อย เพื่อให้เป็นยางๆ เหนียวหน่อย









卵焼き (tamagoyaki)


รสชาด ของ ไข่ที่ว่านี้ จะออกหวาน
คนญี่ปุ่นนี่นิยมกิน รส อาหารที่หวานเค็ม จะหวานเค็มมากน้อย ก็แล้วแต่ชนิด แล้ว แต่อาหาร ว่าจะกินเป็นกับข้าว หรือ ว่า จะกินแบบไม่ต้อง แกม กับ ข้าว
ไข่จานนี้มีวิธีทำคือ
๑. ตีไข่ ใส่ มิริน(เหล้าหวาน) และ เกลือ นิดหน่อย (จะใช้โชยุ ก็ต้องลดปริมาณเหล้าหวาน แล้วใส่น้ำตาลแทน)
๒. กระทะตั้งไฟเคลือบด้วยน้ำมัน นิดหน่อย พอให้ใข่นั้นร่อน ไม่ติดกระทะ
๓. เทไข่แบบบางๆ เพื่อให้สุกง่าย แล้ว ม้วนไปสุดกระทะ รอไว้
๔. เทไข่ลงไปแบบข้อ ๓ อีก แล้วม้วนไข่ในข้อ ๓ กลับมาไปสุดกระทะ ทำจนไข่หมด
ส่วนสุดท้าย แล้วแต่คุณ อยากจะให้ไข่มีหน้าตา แบบหยักๆ ก็ใส่ไม้ไผ่ที่เป็นแผ่นๆ ที่ไว้ทำโนะริมะกิ ทำตอนร้อนๆ ก็จะได้หน้าตาแบบนี้ค่ะ

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ทบทวนการออกเสียงญี่ปุ่น し ち つ

วันนี้ ใช้เวลาหลายชั่วโมงกับการหาข้อสรุป ในการออกเสียง ภาษาญี่ปุ่น ในวรรค sa (さ、し、す、せ、そ)
และ วรรค ta (た、ち、つ、て、と)
http://www.youtube.com/watch?v=TmlsQ0xMmxQ
http://www.youtube.com/watch?v=eMn226MYWS4

เลยเอามาฝากเพื่อนๆ เพื่อว่า ใครมีปัญหาเหมือนกัน (หากใครที่มีหูที่ดีๆ ก็เพียงฟัง คงจะแยกออก) แต่หากไม่ใช่เหมือนเราก็ลองอ่านที่เราหามาก็แล้วกัน
เขาว่าไว้อย่างนี้ค่ะ

shi อันนี้ บอกได้เลยว่าง่ายค่ะ เพราะเมื่อตอนเรียนภาษาอังกฤษ คุณครู บอกว่า ให้ทำเสียงไล่ไก่ ชุ ชุ คือห่อปากแล้วไล่ไก่กันทั้งห้องค่ะ แล้วก็ ออกเสียง she คือ คือเสียงจะออกมาจากปาก ออกมาทางช่องลม ผ่านฝันที่เปิดเผยอออก
คราวนี้ ก็ ออกเสียง shi し กันได้เลยค่ะ เปิดปากนิดหนึ่ง ค้างไว้ ทำลิ้นแข็งข้างไว้ ปล่อยลมให้ออกมาทางช่องฟันบน ฟันล่างที่อ้าปากค้างไว้


chiち ปลายลิ้นแตะที่หลังฟันบน ตรงปุ่มเหงือก(ลองดุนดูนะคะ ตรงที่ก้อนนูนขึ้นมา)แล้วเปล่งเสียง chi


tsuつ ยื่นกรามล่างออกมานิดหน่อย ปากมันจะเปิดนิดหน่อย ปลายลิ้นแตะที่ระหว่างกลางฟันที่ชิดกัน แล้วเปล่งเสียงออก


เหนื่อยค่ะ ไม่ฝึกเดียวบอกตำแหน่งบ้านตัวเองไม่ถูกค่ะ เพราะว่า อยู่ つすみ

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คุณว่าอะไรนี่ ขยะทั้งนั้น



ดูแล้ว คงสงสัย ว่าทำอะไรนี่ สกปรก
ขยะสดค่ะ ขยะสดที่สามารถฝังได้ที่บ้าน เราก็ฝังค่ะ เอาไว้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ตามธรรมชาติ สังเกตุดีๆ ข้างๆจะมีต้อนบร๊อคโคลี อยู่ ตอนนี้ มันง๋ามงาม เดี๋ยวอีกหน่อย ก็จะมีหนุ่มน้อย สาวน้อย เข้ามาเยี่ยมชมบร๊อคโคลี ของเรา แล้วก็หยอดไข่ วางไข่ กันไว้ แทบจะไม่ได้กินเลยค่ะ
แต่เรามีวิธีค่ะ คือ เอานมสด ที่กินเหลือๆ นี้ ไปพ่น เท่านั้นแหล่ะ เราก็จะได้กินผัก ปราศจากแมลงแล้วค่ะ

วิธีการเก็บรักษาผัก ในหน้าหนาว



ตอนนี้ก็เดือนพฤษภาคมแล้วค่ะ แต่ที่คุณเห็นนี่คือ หัวไชเท้า ที่ได้รับมาจากเพื่อนบ้านทุกปีค่ะ ได้รับมาเมื่อเดือน พฤศจิกายน ช่วงหน้าหนาวที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะแถบที่มีหิมะตก นั้นจะมีวิธีการถนอมอาหาร คือ ผักนี้ให้ได้อยู่ได้นานๆ คือ การฝังดินไว้ค่ะ

เพราะว่า ดินช่วยเก็บความชุ่มชื้น และ คงความเย็น ไว้ ผักจะได้ไม่เสียน้ำไป

ที่ฝังได้เท่าที่รู้ ก็คือ หัวไชเท้า แครอท มันฝรั่ง

ส่วนผักกาดขาว นั้นก็ใช้การห่อหนังสือพิมพ์ หรือ วางไว้ นอกบ้าน บริเวณที่อากาศถ่ายเท ก็พอแล้วค่ะ แต่จะเก็บไม่ได้นานหลายเดือนค่ะ น่าจะสักประมาณ สองเดือนเท่านั้น แต่ฝังดินแบบนี้เก็บได้ นาน ๖ เดือนเลยค่ะ

ภูเขาไฟฟูจิ ภาพจากบนเครื่องบินโดยสาร

หากคุณจะเดินทางจากญี่ปุ่น เพื่อ ไปประเทศไทย ละก็ ขอแนะนำให้เลือกที่นั่งริมหน้าต่าง ทางขวามือค่ะ อย่าเลือกทางปีกเครื่องนะคะ หากวันนั้นอากาศดีๆ คิดว่าทางกัปตันจะประกาศให้ชมภูเขาไฟฟูจิ ดูจากบนเครื่องแล้ว จะเห็นตรงป่อง ที่เคยปล่อยพ่นลาวา ออกมา นี่ไงค่ะ ผลที่ทำให้ ภูเขาไฟฟูจิ จึงโดดเดี่ยว (คือ พอระเบิดก็สลายเพื่อนภูเขา ให้คิดได้แบบคน ถ้าเราเป็นอย่างนั้นเราคงจะสลายเพื่อนเหมือนกันใช่ไหมค่ะ)
ขึ้นชื่อว่า ภูเขาไฟนั้นก็จะต้องมีความร้อนรอวันปะทุ ออกมา แต่เพื่อไม่ให้ระเบิดอีก ทางญี่ปุ่นเขาจึงพยายามเจาะท่อเพื่อให้ความร้อนได้ระบายออกมา (อันนี้ได้ยินข่าวมานานเป็นสิบปีแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าเขาทำสำเร็จแล้วหรือยัง)




















วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ยังไม่หายเสียดาย

กลับไปเมืองไทย ในระหว่างช่วงโกเดิ้นวีคของญี่ปุ่นคราวนี้ ไปแบบว่า กะว่า สบายๆ คือ ไม่เอาของฝากไปมาก และ ขากลับก็ไม่ซื้อของฝากมามากเช่นกัน
แต่ที่แน่ๆ เลย อยากได้น้ำพริก ฝีมือแม่ มากๆ ก็เลย โทรสั่งไปก่อนว่าให้ทำเตรียมไว้ เมื่อไปถึงก็อุ่นใจ แม่ทำเตรียมพร้อมไว้ให้แล้ว ไว้ให้มากินญี่ปุ่นนานๆ พร้อมกับ ฝากเพื่อนๆ คนไทย แม่นั้นคิดถึงคนไทยคนอื่นๆด้วยว่า คงอยากจะกินอาหารไทย เหมือนกับลูกสาวตัวเอง แม่เลยทำไว้ให้ถุงโตๆเลย
มีน้ำพริกตาแดง ซึ่งใส่ ปลาเนื้ออ่อนป่น ปลาในอ่างเก็บน้ำ ข้างบ้าน น้องชายหามาได้ แม่ก็ค่อยๆ เก็บย่างไว้ให้
น้ำพริกเผา
น้ำพริกปลาร้า
ทุกอย่างแม่ เผา แม่ปิ้ง ให้แห้งๆ เสมอ ตำมือ แม่กลัวว่าจะเป็นรา กินได้ไม่นาน แม่ใช้เวลา บวก กับ ความตั้งใจสูง ไม่ต้องบอก เพราะว่า เคยเห็นแม่ทำให้

ส่วนอีกอย่างที่แม่ ทำมาฝาก แม่ญี่ปุ่น พร้อมกับ คุณน้า ซึ่งแม่นึกถึงเสมอมา ขากลับจากไปเที่ยวทะเลกัน แม่บอกให้ลุงแวะ ซื้อ ลอนตาล ข้างทาง รอนานมากๆ แต่ด้วยแม่เป็นแม่ค้ามาก่อน ก็คุยกันไป กินตาล น้ำตาลสดบ้าง ในช่วงระหว่างรอเขาแฉะ
แม่บอกว่า จะเชื่อมไม่หวาน ให้มาฝาก แม่ญี่ปุ่น และ น้า และ ปู เอาไปกินบ้าง "ดีใจมากๆ รอเวลากลับญี่ปุ่นจะกินฝีมือแม่"

และแล้ว ก็ถึงสนามบิน เมื่อตอนเช็คอิน เจ้าหน้าที่ถามถึงของที่เป็นน้ำๆ ก็นึกขึ้นได้ ซื้อเงาะกระป๋อง เล็กๆ มาฝากแม่ญี่ปุ่น ๒ กระป๋อง เขาก็ขอดู ก็บอกว่า "ต้องโหลดกระเป๋า ลงไปกับเครื่อง" ก็เลยโหลดกระเป๋าของตัวเองลงไป
ส่วนกระเป๋าที่สามีถือ ก็ไม่ได้ตรวจดูว่า มีอะไร เพราะไม่คิดว่า ตัวเองเอาของผิดมา ไม่มีของสด ไม่มีแบบที่ญี่ปุ่นเขาบอกว่า เข้าประเทศไม่ได้ ก็สบายใจ

แต่ผลปรากฏว่า กระเป๋าสามี นั้นเครื่องสแกน มันร้อง ให้ตรวจ
เจ้าหน้าที่ก็ตรวจดู พอเจอน้ำพริก ๒ ถุง น้าพริกเผา กับ ตาแดง คุณผู้หญิง ก็หยุดค้นแล้ว พอแล้ว บอกว่า นี่แหล่ะ ที่เอาไปไม่ได้ ตกใจ แทบช๊อก อยากจะร้องไห้ออกมาเลย ถามว่า เอาไปไม่ได้จริงๆ หรือ เขาบอกว่า เขียนเอาไว้แล้ว จะออกไป เอาโหลดลงเครื่อง เขาก็บอกว่า เข้ามาแล้ว ออกกลับไปไม่ได้
บอกตรงๆ ว่า มันไม่เหมือนลักษณะของเหลว หรือ ครีมเลย เพราะว่า แม่เขาทำแบบค่อนข้างแห้งจริงๆ

เดินไปคิดไป พอถึง บอร์ด ที่จะไปรอเครื่อง มีตรวจอีกแล้ว เนื่องจากเป็นสายการบิน ของ เอเอ็นเอ ที่ร่วมกับ สายการบิน ยูเอ ที่จะบินไปสหรัฐ เขาก็เข้มงวดอีก ซึ่งก็ไม่คิดมาก่อน แต่ก็คิดว่า ไม่เป็นไร เพราะว่าตัวเองไม่ได้เอาอะไรผิดไป
คราวนี้ เธอเจอ ตาลเชื่อม ซึ่งออกลักษณะน้ำหน่อย เธอก็บอกว่า อันนี้ เอาไปไม่ได้ ยึดอีก
นึกสิ ใจนี้ ห่อเหี่ยว เลย
พลอยให้คิดเลยว่า ไอ้ที่เครื่องมันร้องให้ตรวจ เมื่อด่านแลกนี้ เป็นเพราะ ตาลเชื่อมถุงนี้หรือเปล่า
เมื่อมาถึงญี่ปุ่น ถามเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อนก็บอกว่า น้ำพริกของแม่พี่ปู นั้น ไม่น่าจะถูกยึด
เฮ้อ คงจะอร่อยกันไปเลย บนความเศร้าใจของแม่และลูก คู่นี้

สุดท้าย เมื่อถึงบ้านญี่ปุ่นแล้ว ก็เจอน้ำพริกปลาร้า ในกระเป๋าที่โหลด รีบโทรหาแม่เลย บอกว่า มันมีอีกถุงแม่ ที่ยังอยู่ ทั้งคู่ดีใจมากๆ ถุงนี้ได้เผื่อแผ่ ไปให้คนอื่นๆ บ้างคนละนิดคนละหน่อย ได้ให้หายคิดถึงเมืองไทยกัน หรือพูดอีกที ให้ชื่นใจ มีกำลังที่จะต่อสู้ในต่างแดน

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

หน้าฤดูใบไม้ผลิ

ดูแล้วคุณคิดว่า เป็นรูปอะไร ควันขาวกันโขมง ขนาดนี้ ต้องเรียกรถดับเพลิง กันอย่างด่วน และ ก็มีบางกรณีที่หน่วยดับเพลิงญี่ปุ่น หลงผิด บิดรถ เคี่ยนรถ(เขียนอย่างรถเป็น วัว เป็น ควาย ผิดยุคไปแล้วเรา) ไปเพื่อดับเพลิง คิดว่าไฟป่าเกิด ที่ไหนได้เป็นฝุ่นที่ออกมาจากต้นสน ญี่ปุ่นนั้นมี ภูเขา ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตรงกันข้ามกับบ้านเรา ที่ราบ๘๐เปอร์เซ็นต์ เขาแค่ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นบ้านเรือนจึงหนาแน่นในบริเวณพื้นที่ราบ คิดว่า คนญี่ปุ่น คนไหน ที่ไม่แพ้ละอองเกสรดอกไม้ คงมีน้อยคน ว่าแต่จะอายุเท่าไร ช่วงไหนกัน เป็นมากเป็นน้อยก็แล้วแต่คน แพ้ก่อนก็มีภูมิคุ้มกันก่อน ว่าแต่กว่าจะมีภูมิฯนั้นจะกี่ปี รักษาไม่หายด้วยยา ยาก็แค่บรรเทา หรือ ซ่อนอาการ มาญี่ปุ่นแค่ช่วงระยะสั้นๆ นั้นยังไม่รู้ผลหรอกว่า ตัวเองจะแพ้เกสรดอกไม้ อยู่สัก ๓ ปี ร่างกายเริ่มสะสมอาการแพ้ รวมถึงอาหาร การกิน ที่ไม่รู้ว่า จะเปลี่ยน อย่างไรถึงจะดี ถึงจะถูกต้องเข้ากับตัวเรา เรื่องอาการแพ้ นี้ ใครที่ไม่เป็น คงไม่เข้าใจ อธิบายยาก แม้แต่คนข้างๆ ที่เห็นก็ยังไม่เข้าใจ ต้องเป็นเองถึงจะรู้ค่ะ ว่ามันทรมาน จนไม่อยากจะได้อะไร น้ำตาไหล คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เพิ่มความอ่อนแอขึ้นอีก แพ้ไปมากขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นอะไร จิตใจเป็นเรื่องสำคัญ กำลังใจ ความร่วมมือ ของคนข้างๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญ

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

เห็นแล้วคุณคิดอย่างไร

เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว อากาศช่างไม่ดีเสียจริง ป่านนี้ ยังมีหิมะตกอีก ตอนนี้ที่นี่ จะไปไหนก็น่ากลัว โดยเฉพาะวันที่ฝนตก หิมะตก มันอาจจะมีของแปลกปลอม ที่มาจากโรงงานไฟฟ้ากัมมันตภาพรังสี ปนมา แต่จะอยู่บ้านก็เปลืองไฟ เพราะว่า หนาว เรานั้น
หน้าหนาว เลือกที่จะไปองเซน
เพราะว่า ที่นั่นอุ่น ได้นั่ง นอน อ่านหนังสือ สบายหน่อย ประหยัดเราด้วย วันนั้น นั่งตรง ที่นั่งใกล้ถังกดน้ำดื่ม คือจะมีน้ำเปล่าเย็น เปล่าร้อน น้ำชาเขียวร้อน ไว้ให้บริการตัวเอง และแล้วก็ต้องประหลาดใจ

ชายอายุสักสี่สิบ มายืนกรอกน้ำใส่ขวด
ไม่ธรรมดานะคะ เอากรวยมาด้วย ไม่เคยเห็นมาก่อน นึกเลยถ้าเป็นคนที่บ้านเรา เราคงจะรังเกียจ ประหยัดอะไรขนาดนั้น คุณเขากรอกน้ำแล้ว หนึ่งขวด แล้ว ต่ออีกขวด เอ้ย อะไรกันนี่ เสร็จแล้ว กลับไปที่โต๊ะ (มาคนเดียว) เอาขวดใหม่มากรอกอีกขวด ไม่หมดเท่านี้ ยังไม่เต็ม ยังกดใส่ฝา แล้ว เอาไปกรอกต่อในขวด ให้เต็มปริบ

เลยหันไปดู คนอื่นบ้าง เขาก็มองกันเป็นตาเดียว กับ เรานั่นแหล่ะ คุณแม่ที่บ้านก็บอก เฮ้ย นั่นอะไร กรอกน้ำเสร็จแล้ว เธอก็กดน้ำดื่ม อึกๆ อึกๆ แล้ว ก็จัดแจง เก็บข้าวของกลับบ้าน

คุณแม่ ก็คิดต่ออีกนั่นแหล่ะ หรือว่า ภรรยาที่บ้านเธอ ใช้มา ให้เอาน้ำไปให้ลูก ก็เป็นได้ เออ คิดได้เหมือนกัน มีทางเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะว่าทุกซุปเปอร์ น้ำหมด ไม่ว่าจะขวดใหญ่ ขวดเล็ก หมด ค่ะ ไม่ใช่คนเขาเอาไปตุนกันหรอกนะคะ
ข่าวเขาบอกว่า ส่งไปให้คนที่กำลังลำบาก
เพราะว่า น้ำใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ
ตกเย็นลองไปดูแถว ร้านสะดวกซื้อ สิ ว่ามีน้ำขายหรือเปล่า มีค่ะ แต่เป็นขวดเล็ก ที่ราคาแพงกว่าปกติ แล้วปกติ จะมีขวด ๒ ลิตร ไม่มีแล้ว มีแค่ ๑ ลิตร ราคานั้นก็เป็นเท่าตัว นึกดูสิ น้ำราคาขนาดนี้ คนที่ไม่ได้มีเงินเดือนแยะ เขาก็ต้องลำบาก ต้องดิ้น ตอนนี้ข้าวของแพงค่ะ แล้วอย่างนี้ เมืองไทย คนบางกลุ่ม ยังเห็นด้วย และออกข่าวบอกว่า จะทบทวน เรื่องจะสร้างโรงไฟฟ้า พลังกัมมันตภาพรังสี

คนญี่ปุ่นบอกว่า ถ้าเอาไปสร้าง ก็บ้าแล้วคนไทย

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

หน้าหนาวญี่ปุ่น ที่นะงะโนะ

พูดถึงหน้าหนาว แล้วไปไหนก็หนาว ก็ขาวไปหมด พอพูดแบบนี้แล้ว ผู้คนก็จะหนีหนาวไป องเซน โดยเฉพาะ ชาวเกษตรกรทั้งหลาย ไม่มีอะไรให้ต้องทำ เป็นฤดูกาลแห่งการพักผ่อน
อีกส่วนหนึ่งก็ ไปออกกำลังกาย กันที่สนามสกี

สนามสกีที่เห็นนี้ อยู่ที่เถือกเขา โทงะกุชิ เป็นสนามสกี ที่อยู่ในระดับที่ไม่ยาก เสียส่วนใหญ่ สนามกว้าง
ส่วนที่ สนามสกี มาดะราอุ (斑尾高原スキー場) อันนี้ ก็น่าเล่นค่ะ เพราะส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่ไม่ยาก แล้วหากขึ้น ropeway (กระเช้าไฟฟ้ายักษ์) ไปจะเห็นทะเล ที่จังหวัดนิงะตะ และ เทือกเขาเอลป์ เจแปน ได้ชัดเจน โดยเฉพาะวันที่อากาศดี เป็นภาพที่สุดจะบรรยาย น่าเสียดายที่ไม่ได้เอามือถือ หรือ กล้องติดไป ไม่นั้น คงได้ภาพสวยๆ มาอวดค่ะ

แต่น่าเสียดายว่า ตอนนี้ที่ญี่ปุ่น จะไปไหน ก็กลัวค่ะ เนื่องจาก ยังอยู่ในสภาพที่มีแผ่นดินไหว (กลัวถนนถูกตัด โดยเฉพาะบริเวณเขา หรือที่สูงๆ) ต่อเนื่องที่มาจาก ทซึนะมิ ที่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ และ ก็ยังรังสีร้าย ที่เกิดมาจากโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเครีย ที่ระเบิด โดยเฉพาะวันที่ฝนตก หรือ หิมะตก ในบริเวณที่สูงๆ ที่หุบเขานั้น หิมะจะตกบ่อย ก็เลยน่ากลัวค่ะ ต้องอดใจไว้ก่อน

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554

ญี่ปุ่น เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด

สวัสดีค่ะ
ห่างหายไม่ได้เขียนไปเสียนาน วันนี้ก็วันศุกร์ เป็นหนึ่งอาทิตย์เต็มแล้ว ที่ญี่ปุ่นแถบตะวันออกเฉียบเหนือติดคาบมหาสมุทรแปรซิก ได้ถูกกระหน่ำด้วยคลื่นสึนามิ ที่ซัดเอาลูกแล้วลูกเล่า สูงจนทะลักเข้าไปในปล่องโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (ปรัมมณู) และทะลักลึกเข้ามาในฝั่งแผ่นดิน ถึง ๒ กิโลเมตร กลืนบ้านเรือน ผู้คน ไปเป็นจำนวนหมื่น ใครที่ได้เห็นภาพแล้วคงคิดว่าเป็นหนัง แต่เป็นเรื่องจริง ที่มนุษย์นั้นทำร้าย ทำลายธรรมชาติ โดยเฉพาะเจ้าโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์นี้ ที่ทำเอาสิ่งแวดล้อมเสีย อ่านจากในเวปซ์บ้านเรา เขาบอกว่า เป็นโรงงานที่ทำลายสิ่งแวดล้อมน้อย อ่านแล้ว ต้องแสดงความคิดเห็น เลยว่า แล้วขยะจากเตาปฏิกรณ์ นั้นเล่า เอาไปทิ้งที่ไหน
ฝังลงทะเล ลงแผ่นดิน แล้วไง โลกก็รับไม่ได้ คืนสิ่งที่ร้ายกลับมาเป็นเท่าตัว
คิดได้เลยที่บ้านเรา นั้นอยากจะสร้าง อยากนักอยากหนา เพื่อรองรับการลงทุน จากต่างประเทศ เพื่อให้โรงงานได้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับคนในชาติ ถามว่า ที่ผ่านๆ มาเราอยู่กันได้หรือไม่ ก็อยู่ได้ เพิ่มรายได้ คนก็เพิ่มรายจ่าย ตามเป็นเงากับรายได้ "อย่า อย่า" เปลี่ยนเป็นพลังงานอย่างอื่นกันเถอะ "พลังลม พลังแสงอาทิตย์" จำได้เลย สมัยก่อน เวลาอากาศหนาวๆ หลังจากกลับมาจากโรงเรียน แม่บอกว่า นี่แม่ตักน้ำใส่อ่างตากแดดไว้ให้ รีบไปอาบซะ กำลังอุ่นๆ
แล้ว ครั้งหนึ่งที่ตัวเองกำลัง ยุ่ง วุ่นวาย กับงานบ้าน และก็ต้องดูน้อง ตัวเองเอาหม้อแกงส้ม ไปตากแดด แล้วก็บอกให้น้องกินข้าวซะ แกงกำลังอุ่นๆ น้องก็ตกใจ แต่ เราก็กินให้ดูก่อน

นี่ไงมั้ง สิ่งที่สามี ชมว่า เรามีพื้นฐานในเรื่องการรักสิ่งแวดล้อม ทั้งที่เราบอกว่า เรานี่ได้จากบริษัท บริษัทพร่ำสอน เรื่องนี้ (รวมถึงเป็นกรรมการสิ่งแวดล้อมด้วย) แต่คนที่บ้านบอกเราว่าไม่ใช่ เป็นเพราะว่าเธอ มีพื้นฐานมาก่อน
นี่ไง คุณๆ ทั้งหลาย อย่าให้ใครมาว่าเรา ว่าเราทำไม่รักโลก รักมนุษย์ โลกใบนี้จะฟื้นกลับมาได้ ถ้าพวกเราร่วมใจ ช่วยกันตั้งแต่วันนี้ เริ่มที่ตัวเราเองก่อน แล้วเราก็จะไปสอน ไปบอกลูก ไปบอกน้อง ไปบอกหลาน ได้อย่างไม่อายใจ อายปาก จะไม่มีใครมากล้าว่า กล้าดูถูกเรา ดูถูกพ่อแม่ ดูถูกสถาบันการศึกษา ครู บาอาจารย์เรา
ดูอย่างเราสิ ยังได้รับคำชม จากคนที่บ้าน ให้เราเก็บไว้ชื่นอกชื่นใจ พ่อแม่เรา ก็ไม่ถูกดูถูก ให้สามีได้ชมภรรยา ให้ภรรยาได้มีแรงใจ ให้เราได้นึกได้ทันทีว่า คนของเรา นี่ก็ดี ไม่ใช่น้อย เป็นคนดี เป็นมนุษย์ที่ใช้ได้ มีแต่ดีค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

~ を 通して

My memorial after lean 
~ を通して  → することで、

・ 歌を通して、 言葉を覚えた。
・ 夫と喧嘩を通して、 自分の考えを伝えた。
・ TVの番組を通して、 他の世界を知った。

あたかも~かのように

บันทึกความจำ เรื่องที่เรียนมาเมื่อวันพุธ ที่ ๓ มีนาคม
あたかも ราวกับ まるで

・ 長野にいると、あたかも スイスにいる かのように感じる

・ 美術館で、古い美術品に囲まれていると、あたかも 自分が その時代にいる かのように 気がしてくる

・ あの人と話していると、 あたかも 母と話している かのように 思えてくる

・ 彼女は あたかも お金持ちである かのように話す。

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เที่ยวคิวซู 大分県 別府

สวัสดีค่ะ




สำหรับวันนี้ เป็นบันทึก การเดินทาง ท่องเที่ยว คิวซู ที่จัดหวัด โอยตะ อำเภอ เป็บบุ จังหวัด โอยตะเป็นจังหวัดที่อยู่แถบตอนบนๆ ของคิวซู แถบทะเลแปซิฟิก เป็นจังหวัดที่ มีองเซนมากเป็น ลำดับที่สอง ของประเทศ รอง จากกุนมะ ดูจากภาพตรงที่มีควันๆ นั้นเป็นองเซนทั้งนั้นค่ะ ภาพไม่ชัดเจนเพราะว่า วันนั้นเป็นวันที่อากาศครึ้ม ฝนตก ลมแรงมากๆ ป้ายตามทางล้มกระจัดกระจาย เดินนี้เรียกว่า เดินไม่ได้ ก้าวไปก็ถอย (คราวหน้าไปใหม่ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นี่ คิดว่าน่าจะได้ภาพดีๆ)
ไปที่นี่จังหวัดที่ติดกับทะเล ในหัวคิดเลย ต้อง ปลาดิบ แล้วก็ต้องบอกว่า อร่อยจริงๆ กินไปแล้วนึกขึ้นได้ ต้องถ่ายรูปก่อน (ที่เห็นในที่ใส่เฉลียงๆนั่นคือ เนื้อของหอยเม่นค่ะ หอยที่มีหนามดำๆ แหลมๆ ยาวๆ เขาเรียกว่า อุนิ ค่ะครั้งก่อนไปกินที่ จังหวัด คะนะคะวะ มาแล้ว ต้องติดใจ กับ หอย โฮตะเต แล้วคราวนี้ที่กิน ก็มี ปลาบุริ ไท ซะบะ อะจิ ขอบอกว่ามันอร่อยจริงๆ แต่ที่ไม่ถูกใจ จะต้องบอกว่า ซามอล ที่นะงะโนะ นั้นอร่อยกว่าค่ะ ปลาซามอล นั้น อยู่ทั้งในทะเล และ ในน้ำจืด คือ จะวางไข่ ในน้ำจืด พอโตก็จะว่ายกลับไปทะเล แล้ว ก็กลับมาวางไข่ในน้ำจืด อย่างที่รอยต่อ ระหว่างทะเล กับ น้ำจืด ที่จังหวัด นิงะตะ นี่ซามอล ก็อร่อยค่ะ

ของที่เลื่องชื่ออีกอย่างของ โอะตะค่ะ ไก่ (อาหารจากไก่ ที่เลื่องชื่อที่นี่ก็คือ ไก่เทมปุระ)

จากภาพ ภาชนะใส่อาหารคือหิน ที่เอาไปย่างไฟให้ร้อนๆ แล้วใส่ไก่ย่าง มาเสริฟ โรยด้วยหอมยาวใหญ่หั่นฝอย แต่อยากจะบอกว่า ไก่บ้าน บ้านเรานี้ อร่อยกว่าค่ะ มีความแข็งความกรอบมากกว่า



พักที่ 杉乃井ホテル โรงแรมที่บอกนี้ ก็ดีค่ะ มีหลายอย่างให้เพลิดเพลิน เช่น แช่น้ำแร่ หรือ เข้าซาวน์น่า ไป ดูทะเลไปพราง

มีสระน้ำร้อน กว้างขวาง ที่ให้แขกทุกคน ไม่ว่าหญิง ชาย ได้ใช้บริการ สนุกกับครอบครัว มีสปอตไลท์ ให้เพลินกับ ระบบแสง และ อุโมงที่ข้างในเป็นน้ำที่มีเกลือสูง ให้ตัวเราลอย นอนเอาหูจมลงไป ฟังเพลงในน้ำ มันได้ความชัดเจนมากๆ เป็นสัมผัสใหม่

รวมทั้งอาหาร แบบบุฟเพ่ ที่แฝงความเป็น ร้านแผงลอย อาหาร ที่พร้อมให้บริการเมื่อลูกค้า ต้องการ ที่เราอร่อยและสนุกกับการกินมื้อนี้ ก็คือ ปูยักษ์ย่างค่ะ

หากเพื่อนๆ จะหาที่ท่องเที่ยว หรือ อยู่ใกล้ๆ แถบนั้น ก็ลองไปกันดู ลองไปนอน องเซนทราย(มีเจ้าหน้าที่คอยบริการ โกยทรายทับตัวให้ เห็นสถานที่แล้วก็นึกว่า วัดเสียอีกค่ะ แถมสถานที่ตั้งก็ยังอยู่ในแหล่งชุมชน )

หรือ อาบน้ำแบบที่คนทั่วๆไปเขาใช้บริการกัน คือ ครั้งละ แค่ ๑๐๐ เยน หากจะหาที่ท่องเที่ยว ที่แบบนี้ ก็น่าสนใจไม่น้อยค่ะ

ต้องขอขอบคุณ คุณสามี ที่หาที่ท่องเที่ยว และ ออกสตังค์ให้ ขอบคุณสำหรับ สัมผัสใหม่ๆ บรรยากาศใหม่ๆ อาหารที่ไม่เคยได้ลิ้มรสแบบนี้มาก่อน ขอบคุณค่ะ

よほどのことがない限り

อันนี้ก็ตัดมาจาก japanese is Fun ของอาจารย์ Dr. Preeya มาบันทึกไว้เพื่อให้หาเจอได้ง่าย จริงแล้วก็จดไว้ในสมุดด้วย แต่ว่าคิดว่า คอมฯมันค้นง่ายกว่า ก็เลย ก๊อปปี้ มาแปะไว้ เพื่อคนอื่นด้วย

สวัสดีค่ะ เด็กวัดวันทิมา และเด็กวัดทุกคน

อาจารย์เอาตัวอย่างมาอธิบายให้ฟังนะคะ毎日まるて時計ででも計ったように五時半に必ず家へ帰ってきた。 どんなに暑くてもどんなに寒くても、 よほどのことがない限り、 これは定年で退職するまで変らなかった。ทุกวันราวกับนาฬิกา วัดเอาไว้ ห้าโมงครึ่งเป็นต้องกลับมาบ้าน ไม่ว่าจะร้อนหรือไม่ว่าจะหนาว ................ เรื่องอันนี้จวบจนเกษียณไม่เคยเปลี่ยนแปลงทุกๆวัน กลับมาบ้านตอนห้าโมงครึ่ง ราวกับตั้งนาฬิกาไว้ก็ไม่ปานไม่ว่าอากาศจะร้อน หรือจะหนาว ตราบใด หรือ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษ (เกินกว่าที่จะควบคุมได้) เรื่องที่ว่านี้ (คือ สิ่งที่ทำเป็นประจำ) จนกว่าจะถึงวันเกษียณก็คงไม่เปลี่ยนแปลง

พูดง่ายๆ การที่จะใช้สำนวนนี้ มักจะเน้นให้เข้าใจถึงการมองสภาพเหตุการณ์ต่างๆว่า น่าจะต้องเป็นแบบนี้ เพราะเดาออกได้
เช่น ถ้าเกิดคนมาเล่าว่า วันทิมา ไปมีเรื่องกับใครสักคน แต่โดยนิสัยเดิมที่อาจารย์รู้ เด็กวัดวันทิมา ไม่ชอบยุ่งกับใคร ไม่มีปากเสียงกับใครยังไงก็ได้
ในกรณีนี้ แทนที่จะบอกว่าไม่จริง อาจารย์ก็จะพูดในทำนองว่า よほどのことがない限り、人とけんかなんかしないでしょう。 ถ้าไม่ใช่เรื่องขนาดที่ว่า วันทิมา ทนไม่ได้ หรือ รับฟังไม่ได้ วันทิมาคงไม่ไปทะเลาะกับเขา

~きっかけに 

อันนี้ เป็นบันทึกส่วนตัว ที่คุณห้ามถาม แต่หากคุณอ่านแล้วเข้าใจ ก็ดีใจด้วยค่ะ
きっかけに มีความหมายถึง การเริ่มจาก สิ่งนั้น แล้วจะทำให้เกิดผล ช่องทาง ต่อไป
その事があったから あることする てがかり
 
Ex. 彼女は子供が生まれたのをきっかけに、仕事を変えた
   ผลจากการที่หล่อนมีลูก ทำให้เปลี่ยนงาน
Ex. ある日本人と友達になった事がきっかけで、日本に来ました。


และที่มีความหมายที่คล้ายๆ กันก็คือ ~を契機(けいき)に จาก แต่มักมีความหมายเชิงบวก
Ex. 入院を契機として、保険に入った。
   หรือจะแบบว่า จากการที่ย้ายที่อยู่ใหม่ ทำให้ได้เจอเธอ (คิดเอง)

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ความเครียด ความกดดัน ในญี่ปุ่น

เมื่อมาใช้ชีวิตจริงๆ ในญี่ปุ่น แล้วถึงได้รู้ว่า มันเครียด มันกดดัน อะไรหลายๆ เรื่อง
เคยทำอะไรกับตัวเอง ที่เรียกว่า มันสุดเหวี่ยงไปเลย ก็เคย หลังจากนั้น มันก็รู้สึกดีขึ้นมาพักหนึ่ง
แต่แล้ว มันก็กลับมาอีก มันเกิดได้หลายๆ อารมณ์ ทั้งอารมณ์เศร้า ความรู้สึก หวั่นไหว
เคยถูกเพื่อนต่างชาติถาม เรื่องนี้ ว่าเราเป็นแบบเขาหรือเปล่า เขาเป็นแต่ดีที่เขามีลูก ก็เลยหลุดอารมณ์นั้นได้บ้าง แต่มันก็เกิด ขึ้นเรื่อยๆ
อ้อ ไม่ใช่เป็นแต่เรา เท่านั้น

แต่สองวันนี้ รู้สึกดีขึ้น อารมณ์ที่ดีขึ้น นั้น จากเสียงเพลง ก่อนนอนเปิดเพลง ทิ้งไว้ นึกถึงเมืองไทยเลย เมืองไทยนี้ ถ้าหากเปิดละก็ เปิดกันสุดๆ เผื่อข้างบ้านกันด้วย (หากกลุ่มบ้านเดียวกัน คอเดียวกันก็ดีไป แต่แตกต่างกลุ่มกัน คนละคอเพลงละก็ รำคาญเหมือนกัน ว่าไหม อันนี้เคยมาแล้ว เพลงสองเพลง พอทน พี่ท่าน เล่นเป็นวัน)
แล้วนึกขึ้นมาได้ Down load MP3 จาก youtube มาเสียบหูฟัง เปิดมันลั่นๆ หู ไปเลย เปิดเพลงมันๆ อย่าง เพลง พี่เบริด love you so much too much อะไรนี่ รู้สึกเบาความรู้สึกขึ้นมาเลย
ลองดูก็แล้วกัน เพื่อนๆ เผื่อจะคลายเครียด ได้สักช่วงหนึ่ง ได้ก็ยังดี นึกถึงเจ้าน้องชายตัวดีเลย รถมันนี่ เต็มไปด้วยลำโพง เอ้ย เพิ่งจะเข้าใจน้อง มันคงเครียดมัน

บัวลอยไข่หวานในญี่ปุ่น “タイのデザート[ブーア ロイ]”


お餅 + 豆乳(ココナッツミルクの変わりに) + 沖縄砂糖 + 塩(少々) + 卵

สวัสดีค่ะ

สำหรับเพื่อนๆ คนที่อยู่ในญี่ปุ่น อยากจะกิน ขนมไทย ที่ตัวเองทำได้ง่ายๆ แนะนำบัวลอยไข่หวานค่ะ

ส่วนประกอบคือ ข้าวเหนียวแท่ง ที่เขาเรียกว่า โอโมจิ มีขายตามห้างทั่วไป จะเลือกขนาดไหน ก็แล้วแต่ชอบค่ะ เลือกเล็กหน่อย ก็ได้กินไว

นมถั่วเหลือง ที่ขายเป็นกระป๋องกระดาษ และ หากจะอร่อย ก็ต้องน้ำตาลปี๊บค่ะ แต่หากไม่มี เปลี่ยนได้ค่ะ น้ำตาลทรายแดง จากโอกินะวะ ที่เป็นก้อนๆ


วิธีทำ ตั้งหม้อใส่น้ำนิด เพื่อไม่ให้ไหม้ แล้วเติมนมถั่วเหลือง ใส่เกลือหน่อย น้ำตาล และ ตามด้วย โอโมจิ (หากก้อนเล็กๆ ก็เคี่ยวส่วนผสมอื่นก่อน) พอโอโมจิ อ่อนแล้ว ก็ตามด้วยไข่เลยค่ะ จะเลือกกินแบบไข่แดงเป็นน้ำเย้มๆ หรือ แข็ง ก็แล้วแต่ค่ะ

อากาศหนาวๆ อุ่นท้อง ได้ความอร่อยแบบคนไทย ที่อยู่ที่ไหนก็ยังอยากกินอาหารไทย

ความหนาวที่คุณอาจจะไม่รู้





ดูจากรูปแล้ว คุณคิดดูสิ ว่า หากคุณจะไปไหน จะออกนอกบ้าน คุณจะต้องไปเอาเจ้าหิมะออกจากหน้ารถคุณก่อน แล้วหากวันไหนหิมะตกมากละก็คุณจะต้องมีหน้าที่ไปโกยเจ้าหิมะ ตามทางเดินเข้าบ้านคุณเอง ส่วนถนนใหญ่นั้น จะมีเจ้าหน้าที่ภาครัฐมาทำการโกยออกให้ หากถนนใหญ่มากๆ ก็จะโรย สารเคมี ที่มีส่วนผสมของเกลือ อันนี้แหล่ะ ตัวที่จะทำให้เจ้าเครื่องยนต์เป็นสนิม หากคุณไม่ไปทำการล้างช่วงล่าง (จังหวัดไหนหิมะตกเยอะ คนที่นั่นต้องเสียภาษีท้องถิ่นตรงนี้กันมากหน่อย)




หนาวอย่างนี้ คิดดูสิ จะตากผ้า กันอย่างไรดี

คนญี่ปุ่น ส่วนหนึ่ง นิยม ที่จะใช้บริการ ร้านซักรีด

หรือ อีกกลุ่มหนึ่ง ก็นิยม ร้านซัก อบแห้ง อัตโนมัติ

และ อีกส่วนหนึ่งก็ ใช้วิธีตากในบ้าน ตากกับเครื่องทำความร้อน

และก็อีกส่วนหนึ่ง ที่เอาไปอบใน โต๊ะโคตะซึ  ที่ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของไฟไหมได้




นี่ไงค่ะ เจ้าโคตะซึ ที่ว่า มันคือโต๊ะที่ข้างล่าง มีแผงไฟฟ้า ทำความร้อน ซึ่งจะมีปุ่มให้ปรับความร้อน และใช้ผ้าคลุมหลายๆ ชั้นเอไม่ให้ความร้อนรั่วไหล
แต่ว่า นั่งไปนั่งมาเคล้ม อยากจะหลับ เพราะความอุ่น ไม่อยากเคลื่อนไหว
แล้ว เจ้าภัยร้าย จากโต๊ะตัวนี้ มันก็จะทำให้เราเวียนหัว กล้ามเนื้ออ่อนแรง
รู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว
อะไรที่มีประโยชน์ มันก็มีโทษ





วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

สิ่งที่ดี จากรายการทีวีญี่ปุ่น เรื่องเทคนิคการพัฒนาให้อยากจะทำ

เมื่อวานดูรายการทีวี やる気向上テクニック (ยะรุคิ โค-โจ-) ซึ่งแปลไว้ตามข้างต้นแล้ว


ผู้ร่วมรายการ ก็มีหลายท่าน เช่นนักวิชาการสาขาต่างๆ นักวิจารณ์ ออกมาร่วมรายการいろんな分野の 学者や、評論家が、テクを紹介。


พูดถึงวิธีการแล้วก็
     หากอะไรที่มีความสำคัญ ตัวเอง ก็ต้องตั้งเป้าหมายเพื่อความสำเร็จ อย่างเช่น เขียนเป็นบันทึก เป็นบล๊อก
     หรือไม่ก็ หากมีอะไรที่ได้รับคำชื่นชม โดยเฉพาะหากเป็นเมลล์ ก็ให้แยกเป็นโฟล์ดเดอร์ใหม่เก็บไว้เลย เพื่อเวลาที่หาก เรามีการท้อถอย จะได้กลับเข้าไปอ่าน ไปดู เป็นตัวอักษรนี่ดีกว่า เก็บไว้ในสมอง บางทีก็เอาออกมาอ่าน ก็ช่วยสร้างพลังออกมาได้ [ブログや、メールでほめられたとき、 それらをファイルを作って保存し、ときどき読み返して元気を出す]と言います。

อีกวิธีหนึ่ง ก็คือ ช่วงระหว่างการร้อง คะระโอเกะ ก็อาจจะออกรูปแบบว่า สมมุติว่า ตัวเองเป็นคนโน้น คนนี้ แล้วโพสต์ท่ากันไปเลย

หรือไม่ก็ ศิลปะเกี่ยวกับเรื่องครัว
หรือไม่ก็ การเล่นโคน ก็ช่วยได้


แต่อย่าใช้เงิน ของของรางวัลเป็นตัวล่อ เพราะว่า นั่นเป็นสิ่งที่ผิดๆ หากใช้เงินหรือของแล้ว เราจะต้องเพิ่มมูลค่าของ ของนั้นไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับเด็ก นั้นต้องระวังเรื่องนี้ หากการทำอะไร แล้ว เขาทำด้วยความตั้งใจ เรากลับไปเปลี่ยนจุดหมาย เป้าหมายเขา เป็นของ เป็นเงิน แล้ว เรานั้นเป็นคนที่ไปทำร้ายเขา


รวมถึงนอกเรื่องอีกเรื่องก็คือ


ถึงเรื่องการเลี้ยงลูก คุณหมอ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองบอกว่า เลี้ยงเด็ก นั้นไม่ต้อง ดูแล ให้สะอาด สะอ้าน อย่างเขาเองนั้น ไม่มีโรคภูมิแพ้ หรือแพ้อะไรง่ายๆ เพราะว่า แม่เขาบอกว่า เขานั้น เวลาอาหารตก แล้ว ชอบหยิบกิน เด็กนั้น ปล่อยให้สกปรก ยิ่งดี เพราะว่า เขาจะมีภูมิต้านเพิ่มขึ้น

ดีน่ะรายการนี้ เป็นรายการของ คนชื่อ สัมมะ ดูภาพเองน่ะ คนนี้แหล่ะ สนุกดี มีความรู้ ให้มาเล่าต่อกันฟัง




วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

นวดแล้วดีอย่างไร นวดอย่างไร

สวัสดีค่ะ
เมื่อ ๒ วันก่อน ดูทีวี แล้ว อดไม่ได้ รีบโทรศัพท์กลับเมืองไทย ไปบอกคนที่บ้าน คุณหมอจากมหาวิทยาลัย ชินชู (ที่นี่ ท่านออกทีวี) ค้นพบ วิธีสร้างภูมิคุ้มกัน (อดไม่ได้ต้องขยายต่อ ให้พวกเราได้มีสุขภาพที่ดี เพราะว่า หากเราสุขภาพไม่ดี แล้ว ละก็ ไม่ต้องบอกเลยว่า หากคุณจะเสียเงินไปรักษา สถานพยาบาลเอกชน ก็ต้องถามว่า เงินพอไหม ที่ทำงานมา หามา มันพอไหม และหากจะไปหาภาครัฐ ภาคประกันตน นั้นก็สุขภาพจิต เสียไปอีก ทรุดกันหนัก)
รักกัน รักกัน ไม่ชอบกัน ก็อยากบอกต่อค่ะ

ก่อนอื่นมาพูดกันถึงเรื่อง ภูมิคุ้มกันก่อน ไปหาอ่านมาค่ะ เขาบอกว่าอย่างนี้
"เมื่อได้รับเชื้อโรค ร่างกายจะต้องสร้างสารภูมิคุ้มกันได้เร็วและมากพอจึงจะกำจัดเชื้อโรคได้ ถ้าร่างกายอ่อนแอก็ทำให้ระบบอ่อนแอไปด้วย การสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายก็ไม่ค่อยดี จึงเกิดการเจ็บป่วยขึ้น เป็นหวัด เป็นมะเร็ง เป็นอะไรต่ออะไร"

จาก การที่คุณหมอ ท่านได้ทำการเจาะเลือด เพื่อหาภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แม่บ้าน มนุษย์เงินเดือน แล้วพบว่าภูมิคุ้มกันนั้นมีน้อย เจ็บป่วยง่าย ทำอย่างไร ไม่ต้องกินยา ทดสอบ กันหลายอย่าง แล้วพบว่า การนวด ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้มากๆ แล้วแต่จะกี่เปอร์เซ็นต์ ก็แล้วแต่คน แต่เพิ่มมากๆ หลังจาก นวดแล้ว ๓๐ นาที เจาะเลือด ค้นหาภูมิคุ้มกันอีกที "เห็นแล้วก็ต้องรีบกดโทรศัพท์ บอกต่อกันเลย"

คุณหมอ ก็ทดลอง นวด แต่ละจุด แต่ละคน คนละจุด คนละส่วน แต่ที่ได้ผลมากๆ ก็คือ
การนวด แต่นวดเบาๆ เหมือนเอามือกดฟองน้ำล้างจาน แบบที่มีรอยหยักๆ ให้รอยหยักๆ ปุ๋มไป ก็เท่านั้น ไม่ต้องออกแรงมาก
นวดเบาๆ ตั้งแต่เท้า ไปจนถึง โคนขา ด้านใน ด้านนอก นวดด้วยตัวเองก็ได้ แค่เพียง ข้างละ ๓-๔ นาที แล้วหลังจากนั้น นอนพักเขาหมอนหนุนเข่า แล้วเจาะเลือด ก็ได้ผล แบบที่บอก
คุณหมอบอกว่า(จากผลข้อมูลต่างๆ ที่ท่านเอามาแสดง คนญี่ปุ่นนี่เรื่องข้อมูล ละก็ เยี่ยมยอดค่ะ) มันช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน นอกจากนั้นยังต้านโรคมันต้านมะเร็งได้ดี ด้วย
ทำให้นึกถึง ย่าซึ่งตอนนี้ อายุ ๙๒ แล้ว แต่ว่าไม่เคย เป็นหวัด เจ็บคอ ไอ เจ็บป่วย แบบว่าต้องไปหาหมอ
ย่า ชอบที่จะนวดให้คนมานวด นั่งๆไปก็นวดตัวเองไป ภาพที่น่านั่งจับขาตัวเองคุยไปนวดตัวเองไป ยังติดตาอยู่เลย
กลับเมืองไทย คราวนี้ ย่า ยังนวดให้หลาน คนนี้เลย นวดแบบตั้งใจ มีแรงซะด้วย
อยากให้ทุกคนแข็งแรง ค่ะ ไม่มีโรค หรือมีโรคให้น้อย ว่างๆ ไม่มีอะไร นึกอะไรไม่ออก ก็เอามือนวดๆ คลำๆ กันไป คลำไปเผื่อคนข้างๆ ก็ได้นะคะ หากเขาชอบ

ผักดองญี่ปุ่น กับ น้ำพริกตาแดงของแม่


ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นโดยทั่วไปอยู่ในช่วงหน้าหนาว มีหิมะตก โดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่แถบทะเลญี่ปุ่น
อย่างที่จังหวัดนะงะโนะ นี้ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงอุณหภูมิ ที่ติดลบ ประมาณ -2℃ - -4 ℃ พืชผัก ทั่วไป ก็จะอาศัย การนำเข้า หรือ ผักที่ปลูกใน เฮ้าท์ แต่สำหรับ คนที่นี่แล้ว ผักที่กินกันในหน้าหนาว ก็คือ ผักดอง (漬物つけもの)อย่างเช่น โนะสะวะ นะ(野沢菜) หรือ ทะกุอัง ( たくあん) ก็คือ หัวไชเท้าดอง แต่ไม่ใช่เค็ม แบบ หัวไชโป๊ะ บ้านเราน่ะ ยังคงสภาพ หัวไชเท้า แต่รสชาด นั้น จะเค็ม หวาน เปรี้ยว ก็แล้วแต่บ้าน แล้วแต่ท้องถิ่น
บ้านเรายังกินรสไม่เหมือนกันเลย อย่างแถวแถบจันทบุรี ระยอง นี่ก็ออกหวาน
แต่โดยทั่วไปแล้ว ผักดองนี่ ก็จะมีรสเปรี้ยว ไม่ใช่ว่าใส่น้ำส้มหรอกน่ะ เพราะว่า มันเหมือนการบูด มันจึงมีเปรี้ยว แต่ผักดองที่คุณเห็นนี่ คุณแม่ญี่ปุ่น จะใส่น้ำส้มลงไปนิดหน่อย เพื่อให้ผักกรอบ
แต่ที่แน่ๆ เลย น้ำพริกตาแดง นี่เหมาะมาก สำหรับกินคู่กัน ไม่เชื่อ ใครที่อยู่ญี่ปุ่น หรือ อยู่เมืองไทย ลองหามากินกันดู แล้วจะบอกว่า มันเข้ากั๊น เข้ากัน
ใครไม่เคยดองผัก ก็ลองดองกันดูนะคะ
อย่างบ้านเรานี่ทำง่ายมากๆ เลย จำได้เรียน สมัยประถม คุณครูสอนดองผัก ดองไข่เค็ม
โรงเรียน ประถมที่เคยได้รับการศึกษา นี้ดีมากๆ ได้ ได้เป็นความรู้ ติดตัวมา (ขอบคุณ คุณครู โรงเรียนวัดตองปุ ลพบุรี)
จำได้ค่ะ ว่าที่เมืองไทย คุณครูสอนดอง ผักกาดเขียว
ซึ่งก็มีวิธีการเดียวกับที่ญี่ปุ่น ในขั้นแรก
ก็คือ ล้างผักแล้วผึ่งให้สเด็ดน้ำ แล้ว จึง โรยเกลือ ตากแดด ๑ แดด
แล้ว ตอนนี้ แหล่ะ ที่แตกต่างค่ะ
เมืองไทยเรา จะได้ผักที่ดองแล้วกินได้เร็ว ก็คือ น้ำซาวข้าว หรือ น้ำมะพร้าว
แต่ที่ญี่ปุ่นนี่ จะใช้รำข้าวหรือ ใช้ มิโสะ (สำหรับ ดองหัวไชเท้า, ส่วนผักอื่นเช่นผักที่มีใบ มีก้านแยะนั้นจะไม่ใช้ พวกนี้ รอให้น้ำมันออกมาจากผักเอง) และ อาจจะใส่เครื่องปรุงรส อย่าง โชยุ หรือ ดาชิ ต่างๆ อันได้แต่ ปลาน้อยตากแห้ง หรือ สาหร่ายคอมบุ พริกแห้ง แล้วแต่บ้านอย่างที่บอกค่ะ
ที่ญี่ปุ่นนี้ก็แดดไม่ดี เหมือนบ้านเรา อย่างจังหวัดนะงะโนะ นี้ มีบ่อน้ำร้อน มากทีเดียว
ที่อำเภอ โนะสะวะ นั้น ก็จะใช้วิธีล้างผัก ในบ่อน้ำร้อน ซึ่งก็เป็นที่ขึ้นชื่อ สำหรับผักโนะสะวะ นะ
ขอบคุณน้ำพริก ตาแดง ไร้ผงชูรส ชูรสด้วยปลาป่น ของคุณแม่ประสาน อร่อยมากๆ กินกี่ครั้ง กี่ครั้ง ก็อร่อย อร่อยทุกคำ ขอบคุณแม่สำหรับรสชาด ที่ไม่เผ็ด ทำให้กินได้นาน ร่างกายอบอุ่นในหน้าหนาวนี้