วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หมูทอดญี่ปุ่น 豚カツ(ton katsu)


อาหารอีกอย่างที่เป็นที่รู้จักกันในหมู่คนญี่ปุ่น โดยเฉพาะคนที่อายุน้อยๆ หน่อย ยังอยากจะกินแบบหมู แบบ เนื้อ
สามารถทำกินเองได้ในบ้าน แต่ก็ยุ่งยากนิดหน่อย แต่ก็ดีที่ทำเอง เราใช้น้ำมันใหม่ กินสบายใจกว่า
วิธีทำคือ
๑.หมูหั่นชิ้นพอคำ หรือ จะทำแบบชิ้นใหญ่ๆ แล้วไปสับทีหลังก็ได้ แต่หากไม่อยากเปรอะครัวมาก ก็หั่นชิ้นพอคำ จะได้ไม่ไปเปื้อนเขียง อีกทั้งมีดไม่ดี ก็พอดี แป้งกระจาย ไม่น่ากิน ไปเลย

๒. กรีดเนื้อหมูเป็นเส้นๆ แล้วใช้สันมีดทุบเบาๆ เพื่อไม่ให้หมูยึดติดกัน มันจะเหนียว
๓. โรยเกลือ นิดเดียวเพื่อให้หมูมีรส หรือ หากจะให้นิ่ม ก็ใช้ มอยองเนส (สำหรับผู้ต้องการความอร่อย แต่ไม่เน้นสุขภาพ)
๔. คลุกไปบนแป้งสาลี ไม่ต้องให้แป้งติดมาก เดียวไม่ติดไข่
๕. ชุบลงในไข่
๖. คลุกบนแป้งขนมปัง (หมูจะอร่อยก็แป้งขนมปังที่ดี คือ ควรทำเอง เขาขนมปังอร่อยๆ ของเรานี่ ไปตากแดด แล้วป่น ป่นมากก็จะเป็นแบบบนรูปนี้ คือ ไม่ฟูมาก)
สุดท้ายคือ ทอด ค่ะ
แล้ว เคียงด้วย กระหล่ำหัว ที่หั่นเป็นเส้นๆ
ส่วน น้ำจิ้ม ก็หวานเค็มค่ะ แนะนำว่า ใช้น้ำผึ้งผสม และ ก็ งาป่น จะเพิ่มความอร่อย แล้วก็ใส่แป้งมันนิดหน่อย เพื่อให้เป็นยางๆ เหนียวหน่อย









卵焼き (tamagoyaki)


รสชาด ของ ไข่ที่ว่านี้ จะออกหวาน
คนญี่ปุ่นนี่นิยมกิน รส อาหารที่หวานเค็ม จะหวานเค็มมากน้อย ก็แล้วแต่ชนิด แล้ว แต่อาหาร ว่าจะกินเป็นกับข้าว หรือ ว่า จะกินแบบไม่ต้อง แกม กับ ข้าว
ไข่จานนี้มีวิธีทำคือ
๑. ตีไข่ ใส่ มิริน(เหล้าหวาน) และ เกลือ นิดหน่อย (จะใช้โชยุ ก็ต้องลดปริมาณเหล้าหวาน แล้วใส่น้ำตาลแทน)
๒. กระทะตั้งไฟเคลือบด้วยน้ำมัน นิดหน่อย พอให้ใข่นั้นร่อน ไม่ติดกระทะ
๓. เทไข่แบบบางๆ เพื่อให้สุกง่าย แล้ว ม้วนไปสุดกระทะ รอไว้
๔. เทไข่ลงไปแบบข้อ ๓ อีก แล้วม้วนไข่ในข้อ ๓ กลับมาไปสุดกระทะ ทำจนไข่หมด
ส่วนสุดท้าย แล้วแต่คุณ อยากจะให้ไข่มีหน้าตา แบบหยักๆ ก็ใส่ไม้ไผ่ที่เป็นแผ่นๆ ที่ไว้ทำโนะริมะกิ ทำตอนร้อนๆ ก็จะได้หน้าตาแบบนี้ค่ะ

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ทบทวนการออกเสียงญี่ปุ่น し ち つ

วันนี้ ใช้เวลาหลายชั่วโมงกับการหาข้อสรุป ในการออกเสียง ภาษาญี่ปุ่น ในวรรค sa (さ、し、す、せ、そ)
และ วรรค ta (た、ち、つ、て、と)
http://www.youtube.com/watch?v=TmlsQ0xMmxQ
http://www.youtube.com/watch?v=eMn226MYWS4

เลยเอามาฝากเพื่อนๆ เพื่อว่า ใครมีปัญหาเหมือนกัน (หากใครที่มีหูที่ดีๆ ก็เพียงฟัง คงจะแยกออก) แต่หากไม่ใช่เหมือนเราก็ลองอ่านที่เราหามาก็แล้วกัน
เขาว่าไว้อย่างนี้ค่ะ

shi อันนี้ บอกได้เลยว่าง่ายค่ะ เพราะเมื่อตอนเรียนภาษาอังกฤษ คุณครู บอกว่า ให้ทำเสียงไล่ไก่ ชุ ชุ คือห่อปากแล้วไล่ไก่กันทั้งห้องค่ะ แล้วก็ ออกเสียง she คือ คือเสียงจะออกมาจากปาก ออกมาทางช่องลม ผ่านฝันที่เปิดเผยอออก
คราวนี้ ก็ ออกเสียง shi し กันได้เลยค่ะ เปิดปากนิดหนึ่ง ค้างไว้ ทำลิ้นแข็งข้างไว้ ปล่อยลมให้ออกมาทางช่องฟันบน ฟันล่างที่อ้าปากค้างไว้


chiち ปลายลิ้นแตะที่หลังฟันบน ตรงปุ่มเหงือก(ลองดุนดูนะคะ ตรงที่ก้อนนูนขึ้นมา)แล้วเปล่งเสียง chi


tsuつ ยื่นกรามล่างออกมานิดหน่อย ปากมันจะเปิดนิดหน่อย ปลายลิ้นแตะที่ระหว่างกลางฟันที่ชิดกัน แล้วเปล่งเสียงออก


เหนื่อยค่ะ ไม่ฝึกเดียวบอกตำแหน่งบ้านตัวเองไม่ถูกค่ะ เพราะว่า อยู่ つすみ

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คุณว่าอะไรนี่ ขยะทั้งนั้น



ดูแล้ว คงสงสัย ว่าทำอะไรนี่ สกปรก
ขยะสดค่ะ ขยะสดที่สามารถฝังได้ที่บ้าน เราก็ฝังค่ะ เอาไว้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ตามธรรมชาติ สังเกตุดีๆ ข้างๆจะมีต้อนบร๊อคโคลี อยู่ ตอนนี้ มันง๋ามงาม เดี๋ยวอีกหน่อย ก็จะมีหนุ่มน้อย สาวน้อย เข้ามาเยี่ยมชมบร๊อคโคลี ของเรา แล้วก็หยอดไข่ วางไข่ กันไว้ แทบจะไม่ได้กินเลยค่ะ
แต่เรามีวิธีค่ะ คือ เอานมสด ที่กินเหลือๆ นี้ ไปพ่น เท่านั้นแหล่ะ เราก็จะได้กินผัก ปราศจากแมลงแล้วค่ะ

วิธีการเก็บรักษาผัก ในหน้าหนาว



ตอนนี้ก็เดือนพฤษภาคมแล้วค่ะ แต่ที่คุณเห็นนี่คือ หัวไชเท้า ที่ได้รับมาจากเพื่อนบ้านทุกปีค่ะ ได้รับมาเมื่อเดือน พฤศจิกายน ช่วงหน้าหนาวที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะแถบที่มีหิมะตก นั้นจะมีวิธีการถนอมอาหาร คือ ผักนี้ให้ได้อยู่ได้นานๆ คือ การฝังดินไว้ค่ะ

เพราะว่า ดินช่วยเก็บความชุ่มชื้น และ คงความเย็น ไว้ ผักจะได้ไม่เสียน้ำไป

ที่ฝังได้เท่าที่รู้ ก็คือ หัวไชเท้า แครอท มันฝรั่ง

ส่วนผักกาดขาว นั้นก็ใช้การห่อหนังสือพิมพ์ หรือ วางไว้ นอกบ้าน บริเวณที่อากาศถ่ายเท ก็พอแล้วค่ะ แต่จะเก็บไม่ได้นานหลายเดือนค่ะ น่าจะสักประมาณ สองเดือนเท่านั้น แต่ฝังดินแบบนี้เก็บได้ นาน ๖ เดือนเลยค่ะ

ภูเขาไฟฟูจิ ภาพจากบนเครื่องบินโดยสาร

หากคุณจะเดินทางจากญี่ปุ่น เพื่อ ไปประเทศไทย ละก็ ขอแนะนำให้เลือกที่นั่งริมหน้าต่าง ทางขวามือค่ะ อย่าเลือกทางปีกเครื่องนะคะ หากวันนั้นอากาศดีๆ คิดว่าทางกัปตันจะประกาศให้ชมภูเขาไฟฟูจิ ดูจากบนเครื่องแล้ว จะเห็นตรงป่อง ที่เคยปล่อยพ่นลาวา ออกมา นี่ไงค่ะ ผลที่ทำให้ ภูเขาไฟฟูจิ จึงโดดเดี่ยว (คือ พอระเบิดก็สลายเพื่อนภูเขา ให้คิดได้แบบคน ถ้าเราเป็นอย่างนั้นเราคงจะสลายเพื่อนเหมือนกันใช่ไหมค่ะ)
ขึ้นชื่อว่า ภูเขาไฟนั้นก็จะต้องมีความร้อนรอวันปะทุ ออกมา แต่เพื่อไม่ให้ระเบิดอีก ทางญี่ปุ่นเขาจึงพยายามเจาะท่อเพื่อให้ความร้อนได้ระบายออกมา (อันนี้ได้ยินข่าวมานานเป็นสิบปีแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าเขาทำสำเร็จแล้วหรือยัง)




















วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ยังไม่หายเสียดาย

กลับไปเมืองไทย ในระหว่างช่วงโกเดิ้นวีคของญี่ปุ่นคราวนี้ ไปแบบว่า กะว่า สบายๆ คือ ไม่เอาของฝากไปมาก และ ขากลับก็ไม่ซื้อของฝากมามากเช่นกัน
แต่ที่แน่ๆ เลย อยากได้น้ำพริก ฝีมือแม่ มากๆ ก็เลย โทรสั่งไปก่อนว่าให้ทำเตรียมไว้ เมื่อไปถึงก็อุ่นใจ แม่ทำเตรียมพร้อมไว้ให้แล้ว ไว้ให้มากินญี่ปุ่นนานๆ พร้อมกับ ฝากเพื่อนๆ คนไทย แม่นั้นคิดถึงคนไทยคนอื่นๆด้วยว่า คงอยากจะกินอาหารไทย เหมือนกับลูกสาวตัวเอง แม่เลยทำไว้ให้ถุงโตๆเลย
มีน้ำพริกตาแดง ซึ่งใส่ ปลาเนื้ออ่อนป่น ปลาในอ่างเก็บน้ำ ข้างบ้าน น้องชายหามาได้ แม่ก็ค่อยๆ เก็บย่างไว้ให้
น้ำพริกเผา
น้ำพริกปลาร้า
ทุกอย่างแม่ เผา แม่ปิ้ง ให้แห้งๆ เสมอ ตำมือ แม่กลัวว่าจะเป็นรา กินได้ไม่นาน แม่ใช้เวลา บวก กับ ความตั้งใจสูง ไม่ต้องบอก เพราะว่า เคยเห็นแม่ทำให้

ส่วนอีกอย่างที่แม่ ทำมาฝาก แม่ญี่ปุ่น พร้อมกับ คุณน้า ซึ่งแม่นึกถึงเสมอมา ขากลับจากไปเที่ยวทะเลกัน แม่บอกให้ลุงแวะ ซื้อ ลอนตาล ข้างทาง รอนานมากๆ แต่ด้วยแม่เป็นแม่ค้ามาก่อน ก็คุยกันไป กินตาล น้ำตาลสดบ้าง ในช่วงระหว่างรอเขาแฉะ
แม่บอกว่า จะเชื่อมไม่หวาน ให้มาฝาก แม่ญี่ปุ่น และ น้า และ ปู เอาไปกินบ้าง "ดีใจมากๆ รอเวลากลับญี่ปุ่นจะกินฝีมือแม่"

และแล้ว ก็ถึงสนามบิน เมื่อตอนเช็คอิน เจ้าหน้าที่ถามถึงของที่เป็นน้ำๆ ก็นึกขึ้นได้ ซื้อเงาะกระป๋อง เล็กๆ มาฝากแม่ญี่ปุ่น ๒ กระป๋อง เขาก็ขอดู ก็บอกว่า "ต้องโหลดกระเป๋า ลงไปกับเครื่อง" ก็เลยโหลดกระเป๋าของตัวเองลงไป
ส่วนกระเป๋าที่สามีถือ ก็ไม่ได้ตรวจดูว่า มีอะไร เพราะไม่คิดว่า ตัวเองเอาของผิดมา ไม่มีของสด ไม่มีแบบที่ญี่ปุ่นเขาบอกว่า เข้าประเทศไม่ได้ ก็สบายใจ

แต่ผลปรากฏว่า กระเป๋าสามี นั้นเครื่องสแกน มันร้อง ให้ตรวจ
เจ้าหน้าที่ก็ตรวจดู พอเจอน้ำพริก ๒ ถุง น้าพริกเผา กับ ตาแดง คุณผู้หญิง ก็หยุดค้นแล้ว พอแล้ว บอกว่า นี่แหล่ะ ที่เอาไปไม่ได้ ตกใจ แทบช๊อก อยากจะร้องไห้ออกมาเลย ถามว่า เอาไปไม่ได้จริงๆ หรือ เขาบอกว่า เขียนเอาไว้แล้ว จะออกไป เอาโหลดลงเครื่อง เขาก็บอกว่า เข้ามาแล้ว ออกกลับไปไม่ได้
บอกตรงๆ ว่า มันไม่เหมือนลักษณะของเหลว หรือ ครีมเลย เพราะว่า แม่เขาทำแบบค่อนข้างแห้งจริงๆ

เดินไปคิดไป พอถึง บอร์ด ที่จะไปรอเครื่อง มีตรวจอีกแล้ว เนื่องจากเป็นสายการบิน ของ เอเอ็นเอ ที่ร่วมกับ สายการบิน ยูเอ ที่จะบินไปสหรัฐ เขาก็เข้มงวดอีก ซึ่งก็ไม่คิดมาก่อน แต่ก็คิดว่า ไม่เป็นไร เพราะว่าตัวเองไม่ได้เอาอะไรผิดไป
คราวนี้ เธอเจอ ตาลเชื่อม ซึ่งออกลักษณะน้ำหน่อย เธอก็บอกว่า อันนี้ เอาไปไม่ได้ ยึดอีก
นึกสิ ใจนี้ ห่อเหี่ยว เลย
พลอยให้คิดเลยว่า ไอ้ที่เครื่องมันร้องให้ตรวจ เมื่อด่านแลกนี้ เป็นเพราะ ตาลเชื่อมถุงนี้หรือเปล่า
เมื่อมาถึงญี่ปุ่น ถามเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อนก็บอกว่า น้ำพริกของแม่พี่ปู นั้น ไม่น่าจะถูกยึด
เฮ้อ คงจะอร่อยกันไปเลย บนความเศร้าใจของแม่และลูก คู่นี้

สุดท้าย เมื่อถึงบ้านญี่ปุ่นแล้ว ก็เจอน้ำพริกปลาร้า ในกระเป๋าที่โหลด รีบโทรหาแม่เลย บอกว่า มันมีอีกถุงแม่ ที่ยังอยู่ ทั้งคู่ดีใจมากๆ ถุงนี้ได้เผื่อแผ่ ไปให้คนอื่นๆ บ้างคนละนิดคนละหน่อย ได้ให้หายคิดถึงเมืองไทยกัน หรือพูดอีกที ให้ชื่นใจ มีกำลังที่จะต่อสู้ในต่างแดน