วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หมอฟัน อุดฟันที่ญี่ปุ่น

อดที่จะเอามาเขียนไม่ได้ เผื่อมีคนตกใจเหมือนเรา เรื่องคือว่า ฟันที่เคยอุดมานานแสนนานหลายปี (เมืองไทย) มันเกิดแตกแยก ออกจากกัน ดังนั้น จึงทนไม่ได้ ต้อง โทรไปคลินิค หมอฟัน (ที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องนัดหมาย เสียส่วนใหญ่ ดังนั้นคนที่คิดจะมาญี่ปุ่น แล้วภาษาญี่ปุ่น นั้นไม่ค่อยได้ หากไม่มีคนคอยช่วยเหลือ ก็ต้องคิดนะคะ)

คลินิคทำฟันที่ญี่ปุ่น คลินิค ที่ได้รับความนิยมหน่อย จะต้องคอยคิวนานค่ะ ซึ่งเราเองก็คองจะคอยคิวนั้นไม่ไหว หลังจากเขาบอกคิวเรา อย่างน้อย ก็ช่วยดูให้ฉันหน่อยเถอะค่ะ แล้วจะจัดคิวอย่างไรก็ค่อยคุยกัน จะได้ไหมค่ะ นี่คือ สิ่งที่เราต่อลองไป

และแล้ว เราก็ได้คิว คือ คิวที่คอยไปแทรก ระหว่างเวลาอันน้อยนิด ที่คนไข้คนก่อน เสร็จเร็วกว่ากำหนด แล้วคนใหม่ยังไม่มา ก็เรียกว่า รอนานเป็นชั่วโมงเหมือนกันค่ะ คลิกนิคดังกล่าวที่เราไปนั้น จะมีหมอใหญ่ คือ หมอเจ้าของเพียง ๑ คนเท่านั้น นอกนั้นก็จะเป็นหมอเด็กๆ ใหม่ๆ หลายคนค่ะ

ก่อนอื่น พอไปแล้ว

๑ . ต้องเอาบัตรประกันสุขภาพไปนะคะ ถ้าไม่มี ต้องบอกว่า แพง สุดๆ เพราะโดยทั่วไป บุคคลธรรมดา ที่ประกันสุขภาพ ก็จะเสียค่ารักษา ๓๐ เปอร์เซ็นต์ค่ะ (ส่วนบุคคลทุพพลภาพนั้น ว่าไปตามส่วน จนถึงรับการรักษาฟรีค่ะ) ประกันสุขภาพที่ญี่ปุ่น นั้น มีข้อดีหนึ่งคือ ว่า ไม่ต้องจำกัด สถานพยาบาล เหมือนบ้านเราค่ะ ใกล้ ที่ไหน สะดวก หรือ ว่า ที่ไหนว่าดี ก็ไปค่ะ

๒. กรอกข้อความ ชื่อ ที่อยู่ เป็นอะไรมา มีความต้องการอย่างไร รักษาในประกัน หรือ ว่าไม่เกี่ยงราคา อันนี้ คิดว่า แล้วแต่สถานที่นะคะ

๓. พอถึงคิว แล้ว ก็บ้วนปาก แล้ว หมอใหม่ จะดู จะเคาะ จะแงะ ตรงนี้ใช่ไหม

๔. ถ่ายเอ็กซเรย์ฟันกันเลย ถ่ายหลายแบบค่ะ แบบภาพรวม คือให้เห็นรากฟัน และก็ ด้านบนหน้าฟัน ด้านซ้าย ด้านขวา ด้านล่าง ด้านบน อันนี้ ต้องบอกว่า คลินิคนี้ เครื่องใหม่ดีหน่อยค่ะ เพราะ นึกถึงภาพสมัยเมืองไทยได้ เอาแบบแผ่นเหล็กมาแทรกระหว่างฟัน เพื่อจะเอ็กซเรย์ เจ็บค่ะ

๕. เราก็กลับมาที่นั่ง ดูภาพถ่าย ภาพถ่ายฟัน นะคะ หมอน้อย ก็จะอธิบาย เรื่องเกี่ยวกับฟันของเรา ปัญหา ที่เจอ ที่เห็นได้จากการถ่ายเอ็กซเรย์

๖. หมอใหญ่ ก็มาดูเรา เพื่อสั่งการ ค่ะ วันนี้ หมอบอกเรา ว่าจะฉีดยา ชา เพื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บ แล้วก็ทำอีกนิดเดียว ก็เสร็จ

๗. พอฉีดยาชา เสร็จ เราก็ได้รับการปล่อยตัวค่ะ มานั่งรอ ให้ยาชานั้นออกฤทธิ์ ใช้เวลาประมาณ ๒๐ นาที คุณหมอบอก

๘. ยาชาออกฤทธิ์ ซึ่งไม่เต็มที่ เพราะเรานั้นแข็งกว่า ยา (ล้อเล่นค่ะ ออกฤทธิ์ที่ลิ้น ที่ขอบปากมากกว่าค่ะ) พอหมอ กรอเอาของเก่าออกซึ่งมันแน่นจริงๆ เพราะจะได้ว่า หมอเดิม แบบว่า กดสุดแรงชาย เรานั้นก็เจ็บ หมอก็น่ารักดีค่ะ "น่าสงสาร ท่าจะเจ็บ อดทนหน่อยนะคะ อีกนิดเดียวค่ะ" พอเสร็จแล้วก็ให้หมอน้อย หมอใหม่ๆ มาอุดให้เรานะคะ ขณะอุดไป คุณหมอน้อย ก็พูดว่า มันอาจจะ しみれる かもう อ้าวฟังแล้ว ก็หวั่นไหว เลย แล้วทำ ทำไม ทำไม่ดี จะรั่ว จะซึม ทำ ทำไม ฟังแล้วก็คิด เพราะ ไม่อยากจะพูดอะไรเลย เนื่องจากปากนั้นเบี้ยวๆ แค่อมน้ำบ้วนปาก ยัง คอนโทรล ไม่ได้เลย เฮ้ยอะไรก็ได้ เย็นแล้วด้วย เป็นห่วง หมา เป็นห่วงเรื่องครัว มากกว่า ตอนนี้

๙. รอจ่ายเงิน ที่เคาเตอร์ก็บอกว่า วันนี้เสร็จแล้ว เอ๊ะ เมื่อกี้ หมอข้างในบอกว่า ต้องอีกหลายครั้ง ต้องทำความสะอาดฟัน ไม่นั้นจะก่อให้เกิดโรค รัมมะนาด

แต่บอกแล้ว ว่า ไม่อยากจะพูดอะไร ก็ได้แต่ตกใจข้างใน และพอวางสตังค์ ก็ออกปากดีกว่า "ครั้งต่อไปเมื่อไรค่ะ" ถามก่อนเลย เรายังไม่อยากเสร็จหรอกน่ะ ก็ได้ยินแล้วน่ะ ว่า ตรงที่อุดอาจจะมีการซึม

๑๐. หมอข้างในบอกมาว่า อย่าเพิ่งทานอะไร ภายใน ๒ ชั่วโมงนะคะ รับทราบแล้วค่ะ พอกลับมาถึงบ้าน บ้วนปาก ดูกระจก ตกใจเลยค่ะ

เฮ้ย ฟันมีสีชมพู ที่นี่เขาอุดฟันสีนี้หรือ น่าเกลียด ถึงแม้จะชอบสีชมพู แต่น่าเกลียดจัง ถามคุณแม่ ที่บ้านนี้ เธอบอกว่า เดี๋ยวสีก็ลอก อันนั้น เขาใส่ยามาน่ะ เอ้ยพูดจริงหรือ หรือจริง แบบเมืองไทยเรา หมอจะเอาแผ่นสี มาให้เรากดฟัน เพื่อดูว่า ระดับมันได้หรือเปล่า หรือแผ่นสี หว่า เมื่อกี้ เรากัดแผ่นเหมือนกัน แต่ดูแล้วไม่ใช่นี่หนา มันคืออะไร แบบนี้เดี๋ยวมันก็หลุด แล้วเมื่อกี้ที่หมอบอกเรานั้นว่า อีก๒ ชั่วโมงค่อยกิน สักจะไม่แน่ในใน ภาษา ในหู ในความรู้สึก ที่เราเข้าใจเสียแล้ว เข้าใจผิด เข้าใจถูก อย่างไร ทนไม่ไหว ต้องเช็กในเนตท์ เผื่อมีใครเป็นแบบเรา

ไม่เจอแฮะ โทรไปถามพี่ ที่นี่ดีกว่า "พี่ก็บอกว่า คิดว่า คงเป็นแบบชั่วคราว หมอที่นี่ ทำหลายที คิดว่า ต้องเปลี่ยนอีกหลายที พี่ก็ไม่เคยทำ" อ้าว รอสามีหรือ ฉันหิวข้าวน่ะ กว่า สามีจะกลับ พอดีเป็นลม แบบนี้จะกินได้ไหมนี่

ไม่รู้ แล้วไม่สนแล้ว กินข้าวดีกว่า จะเป็นลม แล้วค่อยว่ากัน แต่ก็เคี้ยวไม่เต็มที่นะคะ นี่แหล่ะ ความกังวล มีหลายเรื่อง ในญี่ปุ่น ในที่ที่เราไม่ได้มาเกิด ที่นี่ ต้องเรียนรู้ใหม่

สรุป พอสามี กลับมา ก็โดนดุ เอาแบบว่า เขาอุดชั่วคราว ไม่เข้าใจ ทำไมไม่ถามหมอ อ้าว ก็ใครจะเห็นฟันล่ะ ร้านหมอ ไม่ใช่ร้านเครื่องสำอางน่ะ ที่จะมีกระจกมาให้ส่อง

ฟันนี้ ยังคงจะอยู่กับเราเป็นเวลา เป็นเดือน เพื่อรอการ ขูดหินปูน ซึ่งจะทำได้ครั้งหนึ่งไม่เกิน หกซี่ แล้ว จะใช้เวลาอีกนาน แสนนาน กับการหาหมอฟันในญี่ปุ่น (เคยขูดมาครั้งก่อน ก็ใช้เวลาทั้งสิ้น ๖ครั้ง ขูด ๔ ดูผล สรุปผล) และหลังจากนั้น ก็จะเปลี่ยนถอดฟันสี แสนสวยนี้ออก แต่ตอนนี้ ที่รั่วซึม ก็ได้รับ กาว โรยรอบฟัน มาใช้กันก่อน กาวนี้ ยานี้ ดีมากเลยนะคะ เห็นผลเลยค่ะ คุณหมอใหม่ ที่ทำหน้าที่ประจำให้กับเรา คุยเสียอีก ยังดีนะคะ ที่หมอ น่ารัก ใจดี เลยให้อภัยที่ต้องใช้เวลานานได้ ไม่นั้นเปลี่ยนคลินิคอีก

ไม่มีความคิดเห็น: